พะเยา - องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยาเตรียมให้เอกชนเข้าดำเนินการผลิตปุ๋ยเพื่อเกษตรอินทรีย์ มูลค่า 100 ล้าน หลังสร้างเสร็จตั้งแต่ปลายปีกลาย แต่ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูง-ขาดแคลนวัตถุดิบป้อนโรงงาน รวมถึงปัญหาบุคลากรดำเนินการขาดความรู้
รายงานข่าวจากจังหวัดพะเยา แจ้งว่า กรณีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา ได้ดำเนินการก่อสร้างโรงผลิตปุ๋ยชีวภาพเพื่อเกษตรอินทรีย์ ที่บริเวณ ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา บนพื้นที่กว่า 17 ไร่ โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างจากงบประมาณกลุ่มจังหวัดล้านนา กว่า 100 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดได้วันละกว่า 20 ตัน และปุ๋ยน้ำชีวภาพอีก 1,000 ลิตรต่อวัน ส่งจำหน่ายในราคาถูกให้กับเกษตรกร 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เพื่อใช้ในทำการเกษตรปลอดภัยหรือเกษตรอินทรีย์
โรงงานผลิตปุ๋ยดังกล่าวได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2550 และสามารถผลิตปุ๋ยอัดเม็ดและปุ๋ยน้ำชีวภาพได้กว่า 6 เดือนแล้ว ล่าสุด ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูง ผ่านมาแล้ว 6 เดือน ผลิตปุ๋ยอัดเม็ดได้เพียง 1,200 ถุง ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงถึง 10 ล้านบาท ทำให้ราคาจำหน่ายปุ๋ยอัดเม็ดต่อถุงบรรจุ 50 กิโลกรัม สูงถึงถุงละกว่า 9,000 บาท อีกทั้งบุคลากรของ อบจ.พะเยามีจำกัดและคาดความรู้ด้านส่วนผสม ไม่สามารถดำเนินการเองได้
ล่าสุด ในการประชุมสภา อบจ.พะเยา นัดสุดท้ายก่อนหมดวาระ (ส.อบจ.พะเยาหมดวาระวันที่ 13 มีนาคม 2551) มีมติว่า จะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการแทนโดยการเช่า ครั้งละไม่เกิน 3 ปี ซึ่งอยู่ในอำนาจของนายก อบจ.พะเยา ในการอนุมัติ พร้อมทั้งจัดส่งรายได้จาการจำหน่ายปุ๋ยให้กับ อบจ.พะเยา
ด้าน นายไพรัตน์ ตันบรรจง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เชื่อว่าจะสามารถให้เอกชนมาดำเนินการได้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยเช่าดำเนินการจะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส โดยเอกชนจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งระบบ ทั้งการจัดหาวัตถุดิบป้อนโรงงาน ,การผลิต ,ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต และการจัดจำหน่าย รวมถึงการจัดส่งรายได้ให้กับ อบจ.พะเยาตามข้อตกลง แต่อย่างไรก็ตาม อบจ.จะเป็นผู้กำหนดราคาจำหน่ายปุ๋ยเอง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเกษตรกร
