บลจ. กรุงไทย คลอดกองทุนเกาหลีอีก 1 กองทุน “กรุงไทยตราสารต่างประเทศ6เดือน6” เปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม นี้ ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล 2 กองทุน กองทุนเปิด “กรุงไทยหุ้นระยะยาว” และ “กรุงไทยตราสารหนี้ปันผล” ในอัตรา 0.15 บาท และ 0.30 บาทตามลำดับ ผู้ถือหน่วยเตรียมรับพร้อมกัน 22 พ.ค. นี้
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม 2551 บริษัทจะทำการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ6เดือน6 (KTFIF6M6 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,860 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ และรัฐวิสาหกิจต่างประเทศ เช่น พันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนจะทำการป้องกัน ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายสมชัย กล่าวว่า สถานการณ์การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5% ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น ส่วนค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้ค่าเงินวอน และค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนในตราสารภาครัฐเกาหลีใต้เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทมีความผันผวนในทิศทางที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า การลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของไทย ที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี ในขณะที่ตราสารหนี้ภาครัฐของไทยอยู่ที่ ประมาณ 3.1% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
สำหรับกองทุนKTFIF6M6 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และต้องการรอดูทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะมีการปรับขึ้น โดยพิจารณาจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน อยู่ที่ 6.2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 2.1% เมื่อคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 3.25% จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 1.15% ซึ่งนับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตค่อนข้างมาก
โดยที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะอยู่ในระดับเฉลี่ยประมาณ 1.6% ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก จะมีความเป็นไปได้ที่ธปท. ต้องพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยอาร์พี 1 วัน ขึ้นประมาณ 0.25 - 0.50% ในปลายปีนี้ โดยสาเหตุที่ไม่ปรับขึ้นรุนแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ และเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ซึ่ง ธปท. อาจจะต้องผ่อนปรนในนโยบายต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมทำการจ่ายเงินปันผลให้กับกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 โดยกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว จะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล จะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 21 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -2.56% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -4.79% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 1.48% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -3.37% ผลตอบแทนย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 14.23% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.18% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 34.29% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 21.27%
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.68% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.85% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.51% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.38% ผลตอบแทนย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 3.26% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.57% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.20% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.15%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม 2551 บริษัทจะทำการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ6เดือน6 (KTFIF6M6 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,860 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ และรัฐวิสาหกิจต่างประเทศ เช่น พันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนจะทำการป้องกัน ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายสมชัย กล่าวว่า สถานการณ์การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5% ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น ส่วนค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้ค่าเงินวอน และค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนในตราสารภาครัฐเกาหลีใต้เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทมีความผันผวนในทิศทางที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า การลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของไทย ที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี ในขณะที่ตราสารหนี้ภาครัฐของไทยอยู่ที่ ประมาณ 3.1% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
สำหรับกองทุนKTFIF6M6 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และต้องการรอดูทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะมีการปรับขึ้น โดยพิจารณาจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน อยู่ที่ 6.2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 2.1% เมื่อคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 3.25% จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 1.15% ซึ่งนับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตค่อนข้างมาก
โดยที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะอยู่ในระดับเฉลี่ยประมาณ 1.6% ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก จะมีความเป็นไปได้ที่ธปท. ต้องพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยอาร์พี 1 วัน ขึ้นประมาณ 0.25 - 0.50% ในปลายปีนี้ โดยสาเหตุที่ไม่ปรับขึ้นรุนแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ และเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ซึ่ง ธปท. อาจจะต้องผ่อนปรนในนโยบายต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมทำการจ่ายเงินปันผลให้กับกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 โดยกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว จะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล จะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 21 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -2.56% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -4.79% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 1.48% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -3.37% ผลตอบแทนย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 14.23% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.18% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 34.29% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 21.27%
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.68% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.85% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.51% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.38% ผลตอบแทนย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 3.26% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.57% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.20% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.15%