บลจ.กรุงไทย เปิดขาย 2 กองทุนใหม่ กองแรกลุยพันธบัตรเกาหลีร้อยละ80 เปิดขาย16 -22 เม.ย. ส่วนอีกกองทุนทุนตราหนี้ในประเทศ เปิดจอง 10-21เม.ย.นี้ “สมชัย”ปลื้ม 2 กองทุนก่อนหน้า KTFIF1Y1 และ KTFIF1Y2 นักลงทุนตอบรับเต็มมูลค่าโครงการ พร้อมปันผล “กรุงไทยหุ้นทุนปันผล” 0.25บาท/หน่วย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี 3 (KTFIF1Y3 ) มูลค่า 1,860 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 11 เดือน ในระหว่างวันที่ 16-22 เมษายน นี้
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐต่างประเทศ เช่น พันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นอกจากนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น 3เดือน38 (KTST3M38) ตั้งแต่วันที่ 10-21 เมษายน นี้ อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนนี้เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตราสารแห่งหนี้ในประเทศ และความน่าเชื่อถืออยู่ระดับที่สามารถลงทุนได้(Investment grade) ได้แก่ ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ทั่วไป เงินฝากในสถาบันการเงิน ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
สำหรับ กองทุน KTST3M38 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร โดยล่าสุด อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน อยู่ที่ 2.00% ต่อปี และยอดเงินฝาก 5 ล้านบาท ขึ้นไป อยู่ที่ 2.25% ต่อปี หักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15%
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี 1 (KTFIF1Y1) และกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี 2 (KTFIF1Y2) ซึ่งทั้งสองกองทุนมีมูลค่าโครงการกองทุนละ 1,860 ล้านบาท โดยมีอายุโครงการประมาณ 11 เดือน ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุน ส่งผลให้บริษัทสามารถขายหน่วยลงทุนได้เต็มมูลค่าโครงการทั้ง 2 กองทุน
“สองกองทุนดังกล่าวสามารถระดมเงินทุนได้ในระดับเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากนักลงทุนต่างให้การตอบรับเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยนักลงทุนมองว่าผลตอบแทนของพันธบัตรภายในประเทศปรับตัวลดลง ในขณะที่พันธบัตรประเทศเกาหลีใต้ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น”
โดย บริษัท เอส แอนด์ พี ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับโลก ได้จัดอันดับเครดิตเรตติ้งของประเทศเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับ A ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่ระดับ BBB+ และ บริษัทฟิทช์ เรทติ้ง ยังให้อันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อยู่ที่ F1 ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลไทยอยู่ที่ F2
นอกจากนี้ บริษัทได้ประกาศจ่ายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนที่จะครบอายุในสัปดาห์หน้า รวม 8 กองทุนดังนี้ กองทุนเปิดกรุงไทยมั่นคงคุ้มครองเงินต้น 16 (KTMP16) ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินคืนในวันที่ 17 เมษายน 2551 ,กองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ 3เดือน7 (KTFIF3M7) ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินคืนในวันที่ 18 เมษายน 2551 และกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ6เดือน2 (KTFIF6M2) ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินคืนในวันที่ 22 เมษายน 2551
ขณะเดียวกันกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF) ของบริษัทมีมติที่จะทำการจ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วยโดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 12 เ มษายน 2551 และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 เมษายน2551
ขณะที่ ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุน KTSF ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -0.05% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.11% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 13.07% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 6.78% ผลตอบแทนย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 25.69% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 16.21% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 39.26% และสัดส่วนการลงทุนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ประกอบด้วย 1. หุ้นสามัญ 80.69% 2. เงินฝากธนาคาร 19.51% 3. ประเภทรายการค้างจ่ายหรือหนี้สินอื่น ๆ -0.21% นอกจากนี้กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551
