หอการค้าฯ ระบุ ภาคเอกชนยังเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมของไทย เห็นพ้องระบบเป็นสากล “ธนวรรธน์” เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.อยู่ที่ระดับ 71.8 ปรับตัวขึ้นทุกรายการ เนื่อจากราคาน้ำมันปรับลดลง ส่วนแนวโน้มเดือนนี้ ยังไม่ยืนยันว่าจะแข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยรุมเร้าอีกเพียบ
วันนี้ (14 ส.ค.) นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนการหลบหนีไม่มารายงานตัวต่อศาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน เนื่องจากภาคเอกชนยังมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยอาจจะมีปัญหา ว่า ในส่วนของนักธุรกิจ ทางหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้มีการประชุมและสรุปความคิดเห็น โดยนักธุรกิจยังเชื่อมั่นต่อระบบกระบวนการยุติธรรมและส่วนใหญ่สบายใจที่ประเทศไทยมีกฎหมาย กฎระเบียบในการดูแลคุ้มครอง จึงทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย อีกทั้งประเทศไทยเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ เพราะมีพื้นฐานเข้มแข็ง
ดังนั้น ความคิดเห็นของนักธุรกิจไทย ยังคิดว่ากระบวนศาลยุติธรรมมีความเป็นสากล ซึ่งนักธุรกิจต่างๆ ก็มีการติดตามในเรื่องนี้ และต่างชาติก็มีการสอบถาม ในฐานะเป็นภาคเอกชนพร้อมชี้แจงว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน ก.ค.2551 ทุกรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย.2551 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 71.8 เพิ่มจาก 70.8 ในเดือน มิ.ย.2551 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 72.0 เพิ่มจาก มิ.ย.2551 ซึ่งอยู่ที่ 71.1 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 93.0 เพิ่มจาก มิ.ย.2551 ซึ่งอยู่ที่ 92.0
นายธนวรรธน์ พลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวว่า ปัจจัยบวกสำคัญที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง, มาตรการ 6 เดือนเพื่อลดปัญหาค่าครองชีพของประชาชนส่งผลทางจิตวิทยาเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการส่งออกในเดือน มิ.ย.2551 ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายธนวรรธน์ ยังกล่าวอีกว่านักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ว่า มีการพิจารณาคดีและการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ในเดือน ก.ค.ยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง, แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงแต่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง, ความกังวลจากปัญหาซับไพรม์, ภาวะเงินบาทอ่อนค่าลง และการที่ กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนดัชนีความสุขในการดำรงชีวิตในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 96.8 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 22 เดือน รับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากมีความกังวลต่อราคาน้ำมัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการเมืองที่ขาดเสถียรภาพ อีกทั้งประชาชนยังคาดหวังต่อการแก้ปัญหาธุรกิจคอร์รัปชั่นของรัฐบาลชุดนี้ด้วย
“สำหรับทิศทางดัชนีฯ ในเดือนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าความเชื่อมั่นดีขึ้นแล้ว แต่จากสถานการณ์ราคาน้ำมันขาลงในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับ 6 มาตรการของรัฐบาลที่ออกมา และหากการเมืองมีเสถียรภาพก็เชื่อว่าการบริโภคจะกลับมาฟื้นตัวในเดือน พ.ย.-ธ.ค.”
ด้านอัตราการบริโภคในอนาคต คาดว่า ยังคงขยายตัวไม่มาก เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการยังอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับปกติที่ 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ยังทรงตัวในระดับสูง ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลทางจิตวิทยาเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
แต่หากปัญหาดังกล่าวเริ่มคลี่คลายในไตรมาสที่สามจะส่งผลให้การบริโภคฟื้นตัวได้ในช่วงปลายไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
วันนี้ (14 ส.ค.) นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนการหลบหนีไม่มารายงานตัวต่อศาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน เนื่องจากภาคเอกชนยังมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยอาจจะมีปัญหา ว่า ในส่วนของนักธุรกิจ ทางหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้มีการประชุมและสรุปความคิดเห็น โดยนักธุรกิจยังเชื่อมั่นต่อระบบกระบวนการยุติธรรมและส่วนใหญ่สบายใจที่ประเทศไทยมีกฎหมาย กฎระเบียบในการดูแลคุ้มครอง จึงทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย อีกทั้งประเทศไทยเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ เพราะมีพื้นฐานเข้มแข็ง
ดังนั้น ความคิดเห็นของนักธุรกิจไทย ยังคิดว่ากระบวนศาลยุติธรรมมีความเป็นสากล ซึ่งนักธุรกิจต่างๆ ก็มีการติดตามในเรื่องนี้ และต่างชาติก็มีการสอบถาม ในฐานะเป็นภาคเอกชนพร้อมชี้แจงว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน ก.ค.2551 ทุกรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย.2551 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 71.8 เพิ่มจาก 70.8 ในเดือน มิ.ย.2551 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 72.0 เพิ่มจาก มิ.ย.2551 ซึ่งอยู่ที่ 71.1 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 93.0 เพิ่มจาก มิ.ย.2551 ซึ่งอยู่ที่ 92.0
นายธนวรรธน์ พลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวว่า ปัจจัยบวกสำคัญที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง, มาตรการ 6 เดือนเพื่อลดปัญหาค่าครองชีพของประชาชนส่งผลทางจิตวิทยาเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการส่งออกในเดือน มิ.ย.2551 ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายธนวรรธน์ ยังกล่าวอีกว่านักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ว่า มีการพิจารณาคดีและการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ในเดือน ก.ค.ยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง, แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงแต่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง, ความกังวลจากปัญหาซับไพรม์, ภาวะเงินบาทอ่อนค่าลง และการที่ กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนดัชนีความสุขในการดำรงชีวิตในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 96.8 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 22 เดือน รับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากมีความกังวลต่อราคาน้ำมัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการเมืองที่ขาดเสถียรภาพ อีกทั้งประชาชนยังคาดหวังต่อการแก้ปัญหาธุรกิจคอร์รัปชั่นของรัฐบาลชุดนี้ด้วย
“สำหรับทิศทางดัชนีฯ ในเดือนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าความเชื่อมั่นดีขึ้นแล้ว แต่จากสถานการณ์ราคาน้ำมันขาลงในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับ 6 มาตรการของรัฐบาลที่ออกมา และหากการเมืองมีเสถียรภาพก็เชื่อว่าการบริโภคจะกลับมาฟื้นตัวในเดือน พ.ย.-ธ.ค.”
ด้านอัตราการบริโภคในอนาคต คาดว่า ยังคงขยายตัวไม่มาก เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการยังอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับปกติที่ 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ยังทรงตัวในระดับสูง ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลทางจิตวิทยาเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
แต่หากปัญหาดังกล่าวเริ่มคลี่คลายในไตรมาสที่สามจะส่งผลให้การบริโภคฟื้นตัวได้ในช่วงปลายไตรมาสสุดท้ายของปีนี้