xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” เย้ย ประชามติ “หมัก” แค่ลดกระแส-แก้เกมภายใน “พลังแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้ชัดร่างแก้ไข รธน.ฉบับ พปช.เพื่อฟอกผิด “แม้ว” เชื่อ “หมัก” ประกาศเร่งทำประชามติ หวังปลดล็อกเงื่อนไข หลังพันธมิตรฯ ประกาศชุมนุมใหญ่ จับตาลูกพรรคเชื่อใครระหว่าง “นายใหญ่” กับ “หน.พรรค” เผย “หมัก” ส่อถูกตัดตอนพร้อม “จักรภพ” หลังโอบอุ้มกันมาตลอด ขณะภายใน “พลังแม้ว” งัดข้อกันหนัก เปิดศึก “ชิงนาย”

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2



รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 21 พฤษภาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอของบประมาณ 2,000 ล้านบาท ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เหตุผลการตัดสินใจอย่างเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรี มาจากมองเห็นสถานการณ์ที่กำลังจะไปไม่รอด ทั้งการเคลื่อนไหวเพื่อชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังพรรคพลังประชาชนได้ยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งชัดเจนว่าหากมีการยื่นวันใด พันธมิตรฯพร้อมชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านทันที

ส่วนการสั่งให้ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชะลอบรรจุญัตติดังกล่าวไว้ก่อนนั้น บังเอิญสอดคล้องกับความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงต้องดูว่า ส.ส.ที่ยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญไปก่อนหน้านั้นจะเชื่อใคร ระหว่างนายสมัคร กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลกำลังพยายามปลดล็อก หาหนทางป้องกันความชัดแย้งทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะเดียวกัน วันนี้ก็ชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อการฟอกผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องเท่านั้น เห็นได้จากมาตรา 14 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่บัญญัติว่า กฎเกณฑ์ หรือประกาศใดๆ ที่ออกมาจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 50 และรัฐธรรมนูญฉบับที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมต้องถูกยุบเลิก ถือเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า จะมีการทำลายระบบการตรวจสอบที่จะเอาผิดกับอดีตนายกรัฐมนตรี

ผู้ดำเนินรายการยังนำประเด็นพาดหัวในนิตยสาร “โหวต” ที่ระบุถึงวันปฏิวัติ 21 พฤษภาคม โดยวิเคราะห์ความเป็นไปได้ พร้อมกับมองว่า รัฐบาลกำลังหวั่นเกรงจะมีเหตุนำไปสู่เงื่อนไขการปฏิวัติ ทั้งการชุมนุมของพันธมิตรฯ คดีหมิ่นสถาบันที่ปล่อยให้เกิดการจาบจ้วงอย่างแพร่หลายในเว็บไซต์ รัฐบาลจึงพยายามสร้างบรรยากาศลดความขัดแย้งทุกอย่าง ตัดตอนไม่ให้เกิดการปฏิวัติขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันการตัดตอนยังลามไปถึงนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำลังถูกโดดเดี่ยว

รัฐบาลกำลังมั่นใจว่า หากมีการลงประชามติ รัฐบาลจะชนะด้วยเสียงถล่มทลายตามที่ตนเองต้องการ อีกทั้งยังมั่นใจภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ทุกอย่างจะเรียบร้อย หากทำได้ นายสมัคร ก็จะได้รับชัยชนะ และผลประโยชน์จะตกอยู่ที่คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่รัฐบาลมองว่า จะทำให้มีระยะเวลาเพียงพอในการแก้ข้อกล่าวหา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนายสมัคร ทราบหรือไม่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการลงประชามติ ยังไม่มี ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งก็ไม่น่าจะทันตามกรอบเวลาที่นายสมัคร ประกาศไว้แน่

นอกจากนี้ การเข้าชื่อเพื่อยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ส.ส.ยังไม่เป็นเอกภาพ หลายคนมองถึงความเสี่ยง หลีกเลี่ยงให้กรรมการบริหารพรรคร่วมลงชื่อในครั้งแรก เนื่องจากตระหนักดีกว่า กรรมการบริหารพรรคมีความเสี่ยงทั้งเรื่องผลประโยชน์ของการยุบ หรือไม่ยุบพรรค ดังนั้นจึงใช้ ส.ส.อีสานใต้ หรือส.ส.นกแล กว่า 120 คน มาลงชื่อเพื่อขอแก้ไขในครั้งแรก อาศัยบารมีและอิทธิพลคนของพรรคไทยรักไทยเดิม แสดงว่าข้างในพรรคพลังประชาชนกำลังมีปัญหา และเงื่อนไขเหล่านี้ก็กำลังจะนำไปสู่เงื่อนไขต่างๆ อีกมากมาย การที่มีการยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ แต่ขณะเดียวกันก็บอกว่าจะทำประชามติ รัฐบาลกำลังเล่นปาหี่หรือไม่ เป็นความเสี่ยงที่ประชาชน และพันธมิตรฯ ไม่มั่นใจกับท่าทีของรัฐบาล ของจริงเป็นอย่างไรยังไม่แน่นอน

** “หมัก-เพ็ญ” ถูกมัดรวม-จ่อโดนเชือดทั้งคู่

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.สำนักนายกฯ ได้ถึงหนังสือถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงกรณีการปาฐกถาที่ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย และถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยพร้อมจะยอมรับโทษหากผิดจริง ว่า ขณะนี้ถือว่านายสมัครและนายจักรภพถูกจับมัดติดกัน เพราะนายสมัครเชื่อนายจักรภพมาโดยตลอด ตั้งแต่เรื่องคนหัวเถิกซึ่งกลายเป็นข่าวคึกโครมมาเมื่อสัปดาห์ก่อน และตอนนี้นายสมัครได้พยายามแก้เกมโดยบอกว่าให้ตำรวจสอบสวนก่อน ถ้าผิดก็ค่อยว่ากัน

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า จะผิดหรือไม่ผิดอย่างไรก็ตาม แต่นายสมัครในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องตอบคำถามว่าคิดอย่างไรกับคนที่มีทัศนคติที่อันตราย และที่สำคัญนายสมัครถูกตั้งคำถามจากคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะนายเผด็จ ภูริปฏิภาณ หรือ พญาไม้ ที่เขียนบทความใน นสพ.บางกอกทูเดย์ เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ระบุชัดว่าปาฐกถาของนายจักรภพมีปัญหา แต่นายสมัครไม่ได้ทำอะไรเท่าที่ควร ซ้ำยังโยนความผิดไปให้คนหัวเถิก ซึ่งที่จริงแล้วคือคนที่ช่วยปิดเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ตอนท้ายของบทความดังกล่าว ได้สะท้อนความคิดของคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มองว่านายสมัครพยายามเป็นตัวของตัวเอง ทำให้ยากต่อการควบคุม ทั้งที่แต่เดิมนั้นนายสมัครควรจะอยู่บ้านเลี้ยงหลานแล้วรอสมัคร ส.ว. แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเจรจากับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนไม่ลงตัว โอกาสจึงเป็นของนายสมัคร แต่การที่นายสมัครเชื่อมั่นในการที่นายสมัครเชื่อมั่นในความมีเลือดสีนำเงินของตัวเองสูงจนควบคุมไม่ได้ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแทน พ.ต.ท.ทักษิณ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ความจริงแล้วนายจักรภพเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งที่จะถูกตัดตอนไม่ให้กระทบถึงทั้งหมดเท่านั้น เพราะนายจักรภพก็เป็นอย่างนี้มานาน ทำไมเพิ่งมาถูกวิจารณ์ตอนนี้ ขณะที่นายสมัครที่อุ้มนายจักรภพมาตลอดก็จะถูกตัดตอนเช่นกัน นายสมัครจึงพยายามแก้เกม ด้วยการประกาศจะทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเร่งรีบ โดยไม่ทันได้ดูข้อกฎหมาย และเร่งรัดให้เสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ ไม่ว่าการยื่นญัตติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อนายชัย ชิดชอบ และการประกาศของนายสมัครที่จะทำประชามติ ล้วนเป็นเกมการเมือง ซึ่งถ้านายสมัครยังคุมลูกพรรคได้จริงๆ วันรุ่งขึ้น บรรดาส.ส.ของพรรคที่ลงชื่อไว้แล้วจะต้องถอนชื่อออกทันที และในขณะนี้ ดูเหมือนว่าภายในพรรคพลังประชาชนกำลังเกิดศึกชิงนาย ระหว่างกลุ่มต่างๆ นายเผด็จมองว่านายชัยยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะขึ้นเป็นประธานสภาฯ ขณะที่กลุ่ม ส.ส.อีสานเห็นว่านายชัยทำเพื่อนาย เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านไปโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้แต่ละกลุ่มงัดกันแรงมาก

** ไทยจ่อ “ความสุข” รั้งท้ายอาเซียน

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงข่าวผลการวัดดัชนีความสงบสุขของประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งไทยอยู่ในอันดับที่ 118 ตำกว่าประเทศเพื่อบ้านในอาเซียนเกือบทั้งหมด สูงกว่าประเทศพม่าเพียงประเทศเดียว ซึ่งดัชนีความสุขดังกล่าววัดจากแนวโน้มก่อการร้าย อาชญากรรมภายใน การประท้วงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง การละเมิดสิทธิมนุษยชน ความขัดแย้งขององค์กรภายใน ประชากรที่จะถูกฆ่าตายในทุก 1 แสนคน เป็นต้น

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ในพม่านั้นประชาชนไม่มีความสุขจากการประสพภัยพิบัติ แต่รัฐบาลก็ยังสนใจแต่รัฐธรรมนูญ ต้องลงประชามติรัฐธรรมนูญให้ได้ ประเทศไทยขณะนี้ก็เกิดวิกฤติทั้งต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และภาคประชาชนต่างก็มีความทุกข์ไม่แพ้กัน แต่รัฐบาลก็ยังมุ่งแต่แก้แต่รัฐธรรมนูญ ท่ามกลางวิกฤติด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้น ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ถ้านักการเมืองยังมุ่งแต่อย่างนี้ อีกไม่นานเราคงติดอันดับรั้งท้ายอย่างแน่นอน

ในช่วงท้าย ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณีที่ ศ.อดุลย์ วิเชียรเจริญ ประธานคณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อปัญหาเขาพระวิหาร ซึ่งขณะนี้กัมพูชากำลังเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกว่า ขณะนี้กัมพูชากำลังได้เปรียบไทยในหลายๆ ด้าน จากการที่มีผู้เชี่ยวชาญจากเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา เข้ามาช่วยเหลือ และมีความพยายามบิดเบือนให้พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาทั้งหมด โดยจะอ้างอนุสัญญาที่ไทยทำไว้กับฝรั่งเศสในสมัยก่อน ซึ่งประเทศไทยอยู่ในฐานที่เสียเปรียบกัมพูชา เพราะประเทศตะวันตกที่เข้ามาช่วยกัมพูชานั้นจะเห็นใจกัมพูชาในฐานะเป็นประเทศเล็ก โดยเฉพาะฝรั่งเศสที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมกัมพูชามาก่อน ในกัมพูชาเองก็กำลังมีการเลือกตั้งจึงมีการนำเรื่องนี้ไปหาเสียง ส่วนฝ่ายไทยไม่มีการศึกษาข้อมูล หรือการรวบรวมหลักฐานไว้ ขณะเดียวกันยังมีแนวโน้มการเปลี่ยนตัวคณะกรรมการมรดกโลกด้วย จึงไม่แปลกใจที่ทหารกำลังเป็นห่วงในเรื่องนี้

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น