xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันดิบหลุด 120 $ ดอลลาร์พุ่ง "เฟด" คงดบ. 2% ตามคาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


น้ำมันดิบร่วงต่อเนื่อง หลุดระดับ 120 ดอลลาร์/บาเรล เมื่อคืนนี้ ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นักลงทุนกังวล ศก.สหรัฐชะลอตัวลง และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย ด้านค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง "เฟด" คงดอกเบี้ย 2% ในการประชุมเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดคาดเงินเฟ้อกดดัน "เฟด" ปรับขึ้น ดบ.ในครั้งหน้า

วันนี้ ( 6 ส.ค.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก หรือ NYMEX (New York Mercantile Exchange) งวดส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 2.24 ดอลลาร์ต่อบาเรล โดยปิดที่ระดับ 119.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.เป็นต้นมา หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 121.00-118.80 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือน ส.ค.ลดลง 6.81 เซนต์ ปิดที่ 3.2820 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.38 เซนต์ ปิดที่ 2.9564 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 117.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

นายสตีเฟน ชอร์ค นักวิเคราะหป์จากบริษัทวิลลาโนวา ในรัฐเพนซิลวาเนีย กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกปกคลุมด้วยปัจจัยทางจิตวิทยา ซึ่งรวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจที่ซบเซาลงและราคาพลังงานที่แพงขึ้นจะทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย ซึ่งบรรยากาศดังกล่าวกดดันให้นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ นายสตีเฟน เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือน มิ.ย.ร่วงลง 0.8% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันเบนซินภายในประเทศที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งการลดลงของตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยและราคาน้ำมันเบนซินภายในประเทศที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง กำลังบั่นทอนอำนาจซื้อของผู้บริโภคและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยลงด้วย

ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดราคาน้ำมันร่วงลงมาจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากซาอุดิอาระเบีย ในขณะที่ประเทศอื่นๆผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

**น้ำมันร่วง-ดอลลาร์พุ่ง เฟดกังวลเงินเฟ้อ

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เวื่อคืนนี้ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.23 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 108.22 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ระดับ 1.0542 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0483 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.5458 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5575 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.9554 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9613 ดอลลาร์/ปอนด์

นายเดวิด กิลมอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอเรนจ์ เอ็กซ์เชนจ์ อนาไลติกส์ กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากการที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นที่ 2% ในการประชุมเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) พร้อมกับยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศยังอยู่ในระดับสูงเกินคาด ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ประเทศอื่นๆที่พุ่งสูงขึ้น

"เฟด" คาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะขยายตัวขึ้นอีกในปีนี้และปีหน้า โดยหนึ่งในข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่เฟดพิจารณาว่าเป็นต้นเหตุของเงินเฟ้อได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือน มิ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2548 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%

"การแสดงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อของเฟดทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า เพราะเฟดยอมรับว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยเร็วขึ้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น