เอเจนซี - นักวิเคราะห์เชื่อ คำสั่งธนาคารกลางล่าสุดให้ธนาคารพาณิชย์ปรับเงินสำรองขึ้นอีก 1% เป็น 17.5% จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนตลาดหลักทรัพย์จีน เนื่องจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะเข็นนโยบายคุมเข้มทางการเงินออกมาใช้ในช่วงไม่กี่เดือนนี้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 มิ.ย.) ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนได้สั่งปรับเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ขึ้นอีก 1% เป็น 17.5% โดยแบ่งขึ้นเป็น 2 ช่วง และให้มีผลในการปรับขึ้นในวันที่ 15 มิ.ย. และ 25 มิ.ย. ครั้งละ 0.5% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 5 ในปีนี้ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเดินหน้าควบคุมสภาพคล่องทางการเงิน กุมบังเหียนเงินทุนไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ยกเว้นสถาบันการเงินในเขตภัยพิบัติแผ่นดินไหว
หลังจากประกาศคำสั่งดังกล่าวออกมา ปรากฏว่า ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จีนวันอังคารนี้ (10 มิ.ย.) ปิดตลาดลดลงถึง 7.73% นับเป็นอัตราการลดลงภายใน 1 วันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนปี 2007 เป็นต้นมา โดยดัชนีคอมโปซิทของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ซึ่งครอบคลุมทั้งหุ้นกระดานเอและกระดานบีปิดตลาดดิ่งลง 257.34 จุด ไปอยู่ที่ 3,072.33 จุด ปริมาณซื้อขายอยู่ที่ 60,700 ล้านหยวน (8,800 ล้านเหรียญสหรัฐ)
หุ้นกระดานเอเซี่ยงไฮ้ ตกลง 270.02 จุด ไปอยู่ที่ 3,223.17 ขณะที่หุ้นกระดานเอของตลาดหุ้นเซินเจิ้นตก 84.99 จุดลงไปอยู่ที่ 973.43
หลี่ เหยียน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เซาธ์เวสต์ กล่าวว่า “ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลปักกิ่งในการควบคุมการปล่อยสินเชื่อ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์จีนที่อยู่ในภาวะชะลอตัวและราคาหุ้นตกติดต่อกันมา 4 วันแล้ว”
นอกจากนี้เธอยังมองว่า ทั้งอัตราที่ปรับขึ้นและช่วงเวลาที่บังคับใช้นั้น ล้วนแล้วแต่สร้างความประหลาดใจ เนื่องจากตลาดต่างคิดไม่ถึงว่าจะมีการผุดนโยบายขึ้นมาควบคุมภาคการเงินก่อนตัวเลขเงินเฟ้อ หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพฤษภาคมจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งตามที่ผ่านมารัฐบาลมักลงมือหลังประกาศตัวเลขซีพีไอก่อน นอกจากนี้การปรับในครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นในอัตราที่มากกว่าที่ผ่านมา ที่มักจะปรับที่ 0.25-05%
ขณะเดียวกัน อีกสาเหตุที่ทำให้หุ้นจีนทรุดฮวบนั้นเกิดจากการที่บรรดานักลงทุนต่างกังวลเกี่ยวกับผลกำไรจากบริษัทกลั่นน้ำมัน หลังจากที่รัฐบาลท้องถิ่นยืนยันว่าจะยังคงควบคุมราคาพลังงาน ทั้งที่ต้นทุนน้ำมันดิบพุ่งทำลายสถิติไปแล้ว
โดยเมื่อวันอังคารหนังสือพิมพ์ ไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ เจอร์นัล อ้างคำพูดของ จาง กั๋วเป่า ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานแห่งชาติระบุว่า “เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชะลอความเร็วการปฏิรูปราคาน้ำมัน เพื่อประกันเสถียรภาพของเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 มิ.ย.) ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนได้สั่งปรับเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ขึ้นอีก 1% เป็น 17.5% โดยแบ่งขึ้นเป็น 2 ช่วง และให้มีผลในการปรับขึ้นในวันที่ 15 มิ.ย. และ 25 มิ.ย. ครั้งละ 0.5% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 5 ในปีนี้ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเดินหน้าควบคุมสภาพคล่องทางการเงิน กุมบังเหียนเงินทุนไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ยกเว้นสถาบันการเงินในเขตภัยพิบัติแผ่นดินไหว
หลังจากประกาศคำสั่งดังกล่าวออกมา ปรากฏว่า ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จีนวันอังคารนี้ (10 มิ.ย.) ปิดตลาดลดลงถึง 7.73% นับเป็นอัตราการลดลงภายใน 1 วันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนปี 2007 เป็นต้นมา โดยดัชนีคอมโปซิทของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ซึ่งครอบคลุมทั้งหุ้นกระดานเอและกระดานบีปิดตลาดดิ่งลง 257.34 จุด ไปอยู่ที่ 3,072.33 จุด ปริมาณซื้อขายอยู่ที่ 60,700 ล้านหยวน (8,800 ล้านเหรียญสหรัฐ)
หุ้นกระดานเอเซี่ยงไฮ้ ตกลง 270.02 จุด ไปอยู่ที่ 3,223.17 ขณะที่หุ้นกระดานเอของตลาดหุ้นเซินเจิ้นตก 84.99 จุดลงไปอยู่ที่ 973.43
หลี่ เหยียน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เซาธ์เวสต์ กล่าวว่า “ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลปักกิ่งในการควบคุมการปล่อยสินเชื่อ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์จีนที่อยู่ในภาวะชะลอตัวและราคาหุ้นตกติดต่อกันมา 4 วันแล้ว”
นอกจากนี้เธอยังมองว่า ทั้งอัตราที่ปรับขึ้นและช่วงเวลาที่บังคับใช้นั้น ล้วนแล้วแต่สร้างความประหลาดใจ เนื่องจากตลาดต่างคิดไม่ถึงว่าจะมีการผุดนโยบายขึ้นมาควบคุมภาคการเงินก่อนตัวเลขเงินเฟ้อ หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพฤษภาคมจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งตามที่ผ่านมารัฐบาลมักลงมือหลังประกาศตัวเลขซีพีไอก่อน นอกจากนี้การปรับในครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นในอัตราที่มากกว่าที่ผ่านมา ที่มักจะปรับที่ 0.25-05%
ขณะเดียวกัน อีกสาเหตุที่ทำให้หุ้นจีนทรุดฮวบนั้นเกิดจากการที่บรรดานักลงทุนต่างกังวลเกี่ยวกับผลกำไรจากบริษัทกลั่นน้ำมัน หลังจากที่รัฐบาลท้องถิ่นยืนยันว่าจะยังคงควบคุมราคาพลังงาน ทั้งที่ต้นทุนน้ำมันดิบพุ่งทำลายสถิติไปแล้ว
โดยเมื่อวันอังคารหนังสือพิมพ์ ไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ เจอร์นัล อ้างคำพูดของ จาง กั๋วเป่า ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานแห่งชาติระบุว่า “เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชะลอความเร็วการปฏิรูปราคาน้ำมัน เพื่อประกันเสถียรภาพของเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ