เอเจนซี--ในการแถลงข่าวหลังปิดม่านการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ เมื่อวันอังคาร(18 มีนาคม) เวิน เจียเป่า ครวญปีนี้ นับเป็นปีแห่งความยากลำบากที่สุดในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยความไม่แน่นนอนหลายอย่างทั้งจากภายในและนอกประเทศ โดยปัญหาหมายเลขหนึ่ง ที่รัฐบาลมุ่งจัดการได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อ และหลีกเลี่ยงฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ
เวิน เจียเป่าชี้ว่า ปัญหาที่โหดหินที่สุดของรัฐบาลในขณะนี้ ก็คือ การควบคุมราคาสินค้าพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว และแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งสร้างความเสี่ยงแอบแฝงคือแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลตั้งเป้าคุมดัชนีราคาผู้บริโภค หรือซีพีไอ ที่ระดับร้อยละ 4.8 ขณะที่ราคาสินค้าดีดตัวสูง ร้อยละ 8.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ และราคาผลิตภัณฑ์อาหารที่พุ่งกระฉูดดุเดือดที่สุด ร้อยละ 23 ในเดือนกุมภาพันธ์ ยังสร้างความเดือดร้อนแก่กลุ่มคนยากไร้อย่างสาหัส
และสืบเนื่องจากแรงกดดันเหล่านี้ เวินจึงส่งสัญญาณไม่เปลี่ยนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจชุดปัจจุบัน ที่มุ่งไปที่การสกัดเงินเฟ้อ ที่แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ร้อยละ8.7 การเหนี่ยวรั้งการขยายตัวอย่างรวดเร็วในการปล่อยสินเชื่อของพวกธนาคาร และการลงทุน
ทั้งนี้ ไม่กี่ชั่วโมงหลังการแถลงของเวิน ธนาคารกลางจีนได้สั่งปรับขึ้นอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยสินเชื่อ และสภาพคล่องของจีนไม่ให้เติบโตเร็วจนเกินไป โดยขึ้นมาอยู่ที่ 15.5% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
การสั่งปรับขึ้นเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 12 นับตั้งแต่ต้นปี 2007 เป็นต้นมา เพื่อลดปริมาณเงินที่ไหลทะลักเข้าสู่เศรษฐกิจมังกร
นอกจากนี้ นายใหญ่ธนาคารกลางโจว เสี่ยวชวน ก็ส่งซิก เตรียมขึ้นดอกเบี้ย
นายกฯเวินยังแถลงว่ากลุ่มผู้นำจีนกำลังจะจับตาความเคลื่อนไหวบนเวทีเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และจะ “ยืดหยุ่น และปรับตัวทันควัน” หากจำเป็น นอกจากนี้ ยังพร้อมรับฟังแนวคิดของผู้นำและคนอื่นๆอย่างใจกว้าง
รัฐบาลเลือก “อกรรม” ทำตลาดหมียิ่งซึม
สืบเนื่องจากไร้วี่แววการกำหนดทิศทางสำหรับตลาดหุ้นของรัฐบาลหลังปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนในวันอังคาร ตามติดด้วยข่าวที่เหล่านักลงทุนไม่อยากได้ยินคือ การปรับขึ้นอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ เพื่อคุมเข้มสินเชื่อ หยุดเงินเฟ้อ ทำให้กลุ่มนักลงทุนเทขายหุ้นกันระนาว ทำดัชนีคอมโพสิต เซี่ยงไฮ้ ตกฮวบไปร้อยละ 4 ในวันอังคาร มาอยู่ที่ 3668.90
แนวโน้มตลาดหมีที่อุบัติขึ้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ทำให้มูลค่าตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น หดหายไป 450,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 3.38 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดขาลงมีความเกี่ยวโยงอย่างกว้างขวางกับเศรษฐกิจ หากมันส่งผลต่อค่าใช้จ่ายการบริโภคของนักลงทุน ที่เห็นว่าจะกระทบต่อหลักทรัพย์และมูลค่าสุทธิของพวกเขา
สภาพดังกล่าว ดูจะเป็นผลร้ายต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคในจีน เทียบเสมือนจุดสว่างท่ามกลางภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เตือนไต้หวัน อย่ารับรองเข้าร่วมยูเอ็น
ในการแถลงครั้งแรกหลังได้รับแต่งเป็นนายกฯสมัยสองนี้ เวินยังได้ส่งเสียงเข้มไปถึงไต้หวัน ซึ่งจะเปิดหารเลือกตั้งประธานาธิบดี พร้อมกับการลงประชามติรับรองไต้หวันเข้าร่วมสหประชาชาติ หรือยูเอ็นในวันเสาร์ที่ 22 มีนาคมนี้ โดยเวินกล่าวว่าการรับรองไต้หวันเข้าร่วมยูเอ็น จะยิ่งทวีความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันที่ย่ำแย่อยู่แล้ว