เอเยนซี – พายุหิมะส่งผลกระทบวงกว้าง คาดจีดีพีไตรมาสแรกตกลง ซ้ำเติมไข้เงินเฟ้อ ด้านตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดตลาดวันศุกร์วูบ หลังเจอผลหิมะบวกซับไพรม์ หูเรียกประชุมโปลิตบูโรแล้ว 2 ครั้ง
พายุหิมะยังจู่โจมกระแสเดินทางช่วงตรุษจีน ปิดถนนเส้นทางรถไฟ ชาวจีนนับล้านที่ติดหิมะหลายวัน แย่งชิงกันขึ้นรถไฟ จนเหยียบกันตาย เป็นข่าวไปทั่วโลก ทำปักกิ่งเสียหน้าก่อนโอลิมปิก
หลังจากที่จีนโดนพายุหิมะถล่มจนเสียหายหนักไปร่วม 4 สัปดาห์ ล่าสุดสำนักข่าวซินหัวเผยว่า ประธานาธิบดีหูจิ่นเทาได้เรียกประชุมโปลิตบูโรไปแล้วถึง 2 ครั้งใน 1 สัปดาห์ เพื่อหามาตรการรับมือภัยธรรมชาติ หลังมีการพยากรณ์อากาศคาด พายุหิมะกระหน่ำจีนต่ออีกสัปดาห์
“เราต้องตระหนักว่า สภาพอากาศเลวร้าย และมหันตภัยครั้งนี้ยังจะเป็นปัญหาใหญ่ทางภาคใต้ต่อไป การบรรเทาสาธารณภัยเป็นภาระที่หนักหน่วง และเป็นเรื่องใหญ่หลวง” แถลงการณ์หลังการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.พ.) ระบุ
เพื่อบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติครั้งนี้ รัฐบาลได้สั่งให้ทหารกว่า 300,000 นาย, ทหารบ้านและกองกำลังสำรองอีกราว 1.1 ล้านคน ออกปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย โดยทหารได้ตบเท้านำยุทโธปกรณ์ และเทคนิคในยามสงครามมาใช้ อาทินำรถถังออกกรุยทาง บดน้ำแข็งบนถนน และใช้ทหารยิงปืนกลมือ สลายน้ำแข็งที่จับตัวรอบสายไฟฟ้า
ล่าสุดมีข่าวดีว่า สภาพอากาศเริ่มคลี่คลาย การสัญจรทางรถไฟ และรถยนต์เริ่มกลับสู่สภาพปกติ ถึงแม้บางพื้นที่ยังมีปัญหาหมอกหนาส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัย อย่างไรก็ตามข่าวการสัญจรเริ่มกลับสู่สภาพปกติก็สร้างความพึงพอใจให้กับปักกิ่งมิน้อย อาทิ ข่าวสถานีรถไฟกว่างโจว (กวางเจา) สามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ ทว่ายังไม่ทันได้ฉลองการคลี่คลายของปัญหา ปักกิ่งกลับต้องเผชิญกับการเสียหน้าครั้งใหญ่ เนื่องจากพลันที่รถไฟเริ่มสามารถใช้งานได้ตามปกติ ชาวจีนหลายแสนคนต่างกรู แย่งยึดที่นั่งบนรถไฟ หลังติดค้างอยู่ที่กว่างโจวร่วมสัปดาห์ จนเกิดความโกลาหล กระทั่งเหยื่อเคราะห์ร้ายรายหนึ่งถูกเหยียบตาย ที่สถานีรถไฟกว่างโจวเมื่อวันอาทิตย์(3 ก.พ.) กลายเป็นภาพแง่ลบต่อสถานะเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เนื่องจากกรณีดังกล่าวสะท้อนความไร้ระเบียบของชาวจีน สร้างความหวั่นวิตกว่า อาจเกิดกรณีเหยียบกันตายได้ หากความไร้ระเบียบดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงมหกรรมกีฬาโอลิมปิก
เศรษฐกิจวิบัติ?
เมื่อวันศุกร์ (1 ก.พ.) เอเอฟพีรายงานว่ารัฐบาลจีนเผยยอดความเสียหายพายุหิมะ จีนสูญ 53,800 ล้านหยวน ประชาชนกว่า 1.76 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย โดยโจวหมิง รองหัวหน้าฝ่ายบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกิจการพลเรือนเผย “ประชาชนอย่างน้อย 60 คนเสียชีวิตจากเหตุพายุหิมะกระหน่ำ การอพยพและดูแลผู้คนที่บ้านถูกทำลายเป็นเรื่องลำบาก อาคารกว่า 223,000 หลังถูกทำลาย อีก 862,000 ได้รับความเสียหาย”
หลังจากนั้นไม่นานบรรดานักวิเคราะห์ต่างออกมาเผยตัวเลข คาดการณ์ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ชี้ไตรมาสแรกอาจได้รับผลกระทบหนักหลังจากนั้นสถานการณ์จะค่อยๆคลี่คลาย
หลี่ฮุ่ยหย่ง นักวิเคราะห์อาวุโสด้านเศรษฐกิจมหภาคของเซินหยิน วั่นกั๋ว เผยกับไชน่า ซีเคียวริตี้ สื่อด้านการเงินของจีนว่า ภัยธรรมชาติครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างชัดเจน โดยจะสะท้อนชัดในดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจตัวหลัก ซึ่งจะประกาศช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมนี้
หิมะถล่มซัดกระหน่ำจนทำให้การป้อนพลังงานไฟฟ้าชะงักงัน,วัตถุดิบขาดแคลน และสร้างอุปสรรคในการขนส่งสินค้า จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการผลิตและส่งออกของมณฑลที่ถูกพายุถล่ม
เมื่อพิจารณาปัจจัยสถานการณ์หิมะถล่มร่วมกับสภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อาจคาดการณ์ในเบื้องต้นได้ว่า อัตราการขยายตัวการส่งออกไตรมาสแรกจะดิ่งลงไปอยู่ที่ 16.4% ต่ำกว่าช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว 6% ขณะที่มูลค่าการค้าเกินดุลลดลงไปอยู่ที่ 43,000-48,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ อัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะอยู่ที่ราว 16% นับเป็นอัตราลดลงครั้งแรกในรอบ4 ปี นับจากช่วงไตรมาสแรกของปี 2004 ปีสืบเนื่องจากวิกฤตโรคซาร์สในปี 2003
นอกจากนี้ สถานการณ์พายุหิมะยังส่งผลให้การก่อสร้างชะงักงัน การขยายตัวของการลงทุนในภาคสินทรัพย์ถาวรช่วงไตรมาสแรก ยากที่จะสะท้อนกลับเหมือนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว 4.1% ไปอยู่ที่ราว 20.5%
หลี่ฮุ่ยหย่งเผยตัวเลขคาดการณ์ว่า ผลจากการชะลอตัวของการส่งออก,การลงทุน และการผลิตในภาคอุตสาหกรรม จะหั่นจีดีพีของประเทศในไตรมาสแรกนี้ลดลงอยู่ที่ราว 10.1% อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรก จะลดลงอย่างต่อเนื่อง และจะกลับคืนสู่ระดับปกติ ช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม โดยจีดีพีในไตรมาสที่ 2 จะดีดตัวสะท้อนกลับอย่างชัดเจน เท่ากับว่าปัญหาจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ปัจจัยพายุหิมะพ่นพิษทำข้าวยากหมากแพง ยังเป็นตัวแปรสำคัญดันดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนมกราคม คาดว่าจะพุ่งไปอยู่ที่ราว 6.8% สูงกว่าเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา 0.3% และยังคาดการณ์กันว่า ซีพีไอเดือนกุมภาพันธ์จะทำสถิติใหม่ทะลุ 7% ซึ่งเป็นแนวเพดานที่รัฐบาลกำหนดไว้
ทั้งนี้จีนมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับตัวเลขสองหลัก เป็นเวลานานกว่า 5 ปี ทว่าอัตราการเจริญเติบโตดังกล่าวได้สร้างปัญหา เศรษฐกิจร้อน เงินเฟ้อพุ่ง ฉะนั้นทางการจีนจึงตั้งเป้าปัญหาหมายเลขหนึ่งของปีนี้คือ การแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ
เมื่อปีที่แล้วเงินเฟ้อจีน ทำสถิติพุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี แตะระดับ 6.9% ในเดือนพฤศจิกายน จนรัฐบาลต้องออกมาตรการหลากชุดหลายระลอก ทว่าภัยธรรมชาติจากพายุหิมะ ได้สร้างวิกฤตราคาสินค้าพุ่งสูงซ้ำเติมอีก ล่าสุด รัฐบาลเผยมาตรการแก้ปัญหา โดยธนาคารกลางแห่งประเทศจีนก็ได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า “เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุหิมะ ทำให้จำเป็นต้องมีการสนับสนุนเรื่องของสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งหมายความว่านโยบายการควบคุมอย่างเข้มงวดทางด้านการเงินนั้น จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข” จากคำกล่าวนี้ บรรดานักวิเคราะห์ได้ตีความว่า ในปีนี้จะมีการผ่อนคลายด้านสินเชื่อเพื่อชะลอผลกระทบจากภัยพิบัติ
อย่างไรก็ตามผลกระทบรูปธรรมจากกรณีพายุหิมะกระหน่ำได้ปรากฎผลชัดบนดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ที่ร่วงกราดรูดลง 16.7% เมื่อเดือนมกราคม หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์ บวกกับปัจจัยเงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงจากกรณีพายุหิมะ
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์รัฐบาลได้เข้าแทรกแซงด้วยการอนุมัติให้กองทุนหุ้นที่เสนอโดยบริษัทกองทุนรวม 2 แห่ง เข้าระดมทุนในตลาดรวมมูลค่ากว่า 14,000 ล้านหยวน ส่งผลให้ดัชนีหลังเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (4 ก.พ.) 3 นาทีพุ่งขึ้น 3.13% ที่ 4,456.123 จุด ก่อนที่จะปิดตลาดทำสถิติเพิ่มสุทธิ 8.13% เพิ่มขึ้น 351.40 จุด ปิดตลาดที่ 4,672.17 จุด นับว่าเพิ่มสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
นอกจากนี้ข่าวการผ่อนคลายด้านสินเชื่อ ยังช่วยให้ดัชนีเพิ่มสูงขึ้น โดยมูลค่าหุ้นภาคธนาคารจีนอาทิ หุ้นธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ไอซีบีซี) เพิ่มมูลค่า 2.82 % เป็น 6.92 หยวน ณ ช่วงเปิดตลาด