xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติเชื่อตลาดหุ้นจีนยังมีแรงขวิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
จงกั๋วเจิ้งเจวี้ยนเป้า – นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นตลาดหุ้นจีนกำลังปรับตัว และยังไม่เข้าสู่ภาวะตลาดหมีในเร็วๆ นี้ เพราะคาดว่าจะมีเงินทุนไหลมาจากสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และคาดว่าผลกำไรของบริษัทในตลาดจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้

สืบเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปรับลดลงแรง แม้สภาวะตลาดยังคึกคักอยู่ในเขตแดนของตลาดกระทิง แต่ก็จวนเจียนติดขอบเส้นแบ่งระหว่างตลาดกระทิงกับตลาดหมี ทำให้กลุ่มนักลงทุนเกรงว่าตลาดหุ้นจีนกำลังเข้าสู่ภาวะราคาหุ้นโดยทั่วไปลดต่ำและปริมาณซื้อขายน้อยลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติกลุ่มหนึ่งยังเชื่อมั่นว่า ยังเร็วไปที่ตลาดหุ้นจีนจะเข้าสู่ภาวะซบเซาหรือตลาดหมี ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบจากนโยบายที่ไม่แน่นอนซึ่งเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นก็ตาม

เสิ่นหมิงเกา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจากซิตี้แบงก์ แสดงความเห็นว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นกระดานเอของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจัย 2 ประการ ได้แก่ สภาพคล่องสูงและผลประกอบการของบริษัทในตลาดที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง ดังนั้นเสิ่นจึงเชื่อว่า “หากตลาดหุ้นจีนจะกลายสภาพจากกระทิงเป็นหมี อย่างน้อยปัจจัยหนึ่งในสองนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง”

หากพิจารณาจากสภาพคล่อง เสิ่นเชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่จะหดตัวในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เฟดหรือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดฉีดตลาดหุ้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และภายใต้เงื่อนไขความต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์และเงินหยวน เงินทุนจำนวนหนึ่งอาจไหลมาที่ประเทศจีน นั่นยิ่งส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติถือครองเงินหยวนมากขึ้น ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ที่เงื่อนไขอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลง สภาพคล่องเป็นปัจจัยหลักของตลาดหุ้น

สืบเนื่องจากผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มของสหรัฐฯ ทำให้สถาบันการเงินบางแห่งเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงถดถอย โดยซิตี้แบงก์คาดว่าไตรมาสแรกของปีนี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจติดลบ 0.2% ส่วนไตรมาสที่สองและสามอาจจะฟื้นตัวแต่ยังต่ำกว่า 1% ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจมังกรจะชะลอตัวลงตามบ้างแต่ไม่มาก เสิ่นให้ความเห็นว่า “หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ทรุดลงฮวบฮาบ ผลกระทบที่เกิดกับจีนยังพอควบคุมได้ และไม่กระทบถึงวิสาหกิจจีน” ทั้งนี้ ซิตี้แบงก์คาดการณ์ว่าจีดีพีเศรษฐกิจจีนปีนี้จะเพิ่มขึ้น 10.5% อัตราเงินเฟ้อราว 5% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่สูง

อีกด้านผลกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นเอในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2007 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 60-70% ทำให้ผลประเมินตลาดหุ้นสูงอยู่ในระดับหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ดี เสิ่นเห็นว่า หากอัตราการขยายตัวของผลกำไรในปี 2008 ลดลงอย่างแรง ตลาดหุ้นเออาจจะต้องปรับตัวขนานใหญ่ และเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะเข้าสู่ภาวะตลาดหมี

ขณะเดียวกัน เสิ่นแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกำไรรอบปีนี้ของบริษัทในตลาดหุ้น เนื่องจาก หนึ่ง การส่งออกของจีนปีนี้อาจชะลอตัว โดยคาดว่าจะลดลง 18-25% จากปีที่แล้ว ดังนั้นผลกำไรของผู้ประกอบการที่เกี่ยวพันกับการส่งออกจะลดลงตามกัน

สอง ราคาสินค้าส่วนใหญ่อาจมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ บริษัทในตลาดหุ้นเอจำนวนมากเป็นบริษัทผูกขาดสินค้าประเภทวัตถุดิบ หากราคาสินค้าทั่วโลกลดลง ย่อมกระทบต่อผลกำไรของวิสาหกิจเหล่านี้ และสาม ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น ค่าแรง ค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ล้วนบีบผลกำไรให้เหลือน้อยลง และหากวิสาหกิจเหล่านี้ปรับขึ้นราคาสินค้าอาจไปเพิ่มภาวะเงินเฟ้อได้

ด้านหม่าจวิ้น หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากดอยซ์แบงก์ให้ความเห็นว่า “ความท้าทายใหญ่สุดของตลาดหุ้นจีนคือภาวะเงินเฟ้อที่อาจสูงทำลายสถิติ และทำให้นโยบายไม่มีความแน่นอน” หากภาวะเงินเฟ้อได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า ผลกระทบจากตลาดหุ้นต่อเศรษฐกิจมหภาคจะลดลง เพราะผลกำไรของวิสาหกิจยังคงเพิ่มขึ้นตามคาดอย่างต่อเนื่อง แต่หากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้เมื่อถึงช่วงกลางปี ตลาดหุ้นจีนอาจต้องเผชิญคลื่นลมอีกระลอก หม่าอธิบายเพิ่มเติมว่า “หากราคาหุ้นจีนดีดตัวสูงเกินไปช่วงก่อนกีฬาโอลิมปิก เช่นดัชนีหุ้นเพิ่มถึง 6,500-7,000 จุด ช่องว่างขยับสูงอีกหลังโอลิมปิกก็จะจำกัดมาก”

ตามความเห็นของหม่าจวิ้น ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าขณะนี้ตลาดหุ้นจีนเข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้ว เพราะเขาเห็นว่ายังอยู่ในช่วงปรับตัว อย่างไรก็ตาม ให้เฝ้าสังเกตคาดการณ์ปัจจัยในทางบวก กล่าวคือ หนึ่ง ผลกำไรของบริษัทในตลาดอาจดีกว่าที่คาดไว้ สอง ภาวะเงินเฟ้อควบคุมได้ และสาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่กล่าวมาไม่สามารถเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น