xs
xsm
sm
md
lg

แนะจีนลดภาษีอากรแสตมป์ตลาดหุ้น ฟื้นคืนความเชื่อมั่นฉุดตลาดซบเซา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเยนซี – หลังตลาดหลักทรัพย์จีนไม่สามารถรักษาเส้น 4,000 จุดเอาไว้ได้ ล่าสุดได้มีผู้ออกมาแนะนำให้จีนทำการกระตุ้นความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน ด้วยการปรับลดภาษีอากรแสตมป์ ที่เพิ่งปรับขึ้นมาในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามมีการมองว่าการปรับลดจะทำให้จีนได้ภาษีน้อยลงอย่างมาก จึงทำให้ทางการต้องคิดหนัก

หลังตลาดทุนในเอเชียและยุโรปต่างปรับลดกันไปตามๆกัน ตลาดหุ้นกระดานเอของมังกรได้ประสบกับ “แบล็ค มันเดย์” อีกครั้ง โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตลาดจีนร่วงกราวรูดลงมาถึง 142.62 จุด หรือตกลงมา 3.6% บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นกว่า 400 แห่งราคาตกตลอดจนปิดตลาด

นับตั้งแต่มีการปรับตัวเป็นต้นมา หุ้นภาคการเงินมักจะเป็นตัวนำการดัชนีที่ร่วงลงของตลาด โดยฝ่ายข้อมูลของหนังสือพิมพ์หลักทรัพย์ของจีนได้สรุปรวมปรากฏว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเช้าวันอังคาร (17 มี.ค.) เฉพาะภาคการเงินนั้นมีมูลค่าการตลาดรวม (market cap.) ที่สูญไปแล้วถึง 2.5946 ล้านล้านหยวน

การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ตกร่วงลงมาตลอด จนไม่สามารถรักษาระดับ 4,000 จุดเอาไว้ได้นั้น สร้างทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดถูกทำลายตามลงไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนได้เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์กับตลาดทุนมีความคล้ายคลึงกัน คือหากราคาตกมากจนเกินไป จะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพในภาคการเงิน ในขณะนี้ก็ควรที่จะมีการหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเข้ามาเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดเอาไว้ ซึ่งมาตรการที่หลายฝ่ายมองตรงกันก็คือ ทางการมังกรควรจะมีการปรับลดภาษีอากรแสตมป์

บทวิเคราะห์ของคุณเฝิง ฉีสือจากหนังสือพิมพ์หมิงเป้าในฮ่องกงได้ระบุว่า ในขณะที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้นกำลังร่วงอย่างหนัก สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ก็คือการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเชื่อว่าเงินที่หายไปนั้นสามารถได้กลับมาได้ ด้วยการเพิ่มการควบคุมผู้ที่จะทำไอพีโอ และผู้ที่จะระดมทุนรอบสองที่มีเจตนาร้ายในการจะเข้ามาดูดเงิน

บทความดังกล่าวได้ระบุว่า แท้ที่จริงนักลงทุนในจีนไมได้ต้องการมาตรการใหญ่ๆ หรือยาแรงอะไร เพียงแต่ต้องการนโยบายที่แน่นอนกับความรู้สึกปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับสหรัฐฯที่เฟดจะต้องร่วมมือกับธนาคารใหญ่อีก 4 แห่งเพื่ออัดฉีดทุนเข้าไปในตลาดนั้น ที่ผ่านมาจีนเองก็ไม่เคยมีการทำมาก่อน สิ่งที่ทางการจีนควรทำก็คือการปรับลดภาษีอากรแสตมป์ ควบคุมการระดมทุน และรักษาความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน

สื่ออังกฤษอย่างไฟแนนเชียล ไทมส์ก็ได้ตีพิมพ์บทความที่วิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่า ที่ผ่านมาภาษีอากรแสตมป์ถือเป็นเครื่องมือในการควบคุมตลาดทุน ในประวัติศาสตร์การพัฒนาตลาดทุนเองก็ทำให้เห็นได้ว่า ภาษีอากรแสตมป์เป็นสิ่งที่ใช้กลับไปกลับมาได้ อีกทั้งเป็นเครื่องมือการควบคุมตลาดที่ได้ผลชะงัด ในเมื่อคราวที่แล้วใช้การปรับขึ้นเพื่อลดความร้อนแรงได้ คราวนี้ก็น่าจะนำมาปรับลดเพื่อกระตุ้นความร้อนแรงได้เช่นกัน

ในขณะที่คุณเฝิงเองก็ได้ระบุว่า “การลดภาษีอากรแสตมป์ หรือการเก็บภาษีทางเดียวนั้น จะเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์อย่างดีในระยะสั้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนั้น หากพิจารณาจากตัวเลข ยิ่งพบว่าภาษีอากรแสตมป์มีเพดานให้ปรับลดลงอยู่ เพียงแต่เมื่อปีที่แล้วกระทรวงการคลังเพิ่งจะปรับขึ้นจาก 0.1% มาเป็น 0.3% หากจะปรับลดในตอนนี้ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนนโยบายไปมา

อย่างไรก็ตาม ความเหมาะสมของนโยบายขึ้นอยู่กับสถานการณ์และจังหวะเวลา ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ก็แตกต่างจากช่วงเวลาที่ทางการมังกรปรับขึ้นอยู่มาก นอกจากนั้น ปัญหาที่สำคัญอีกประการคือจากการปรับคราวที่แล้ว ได้ทำให้ทางการเก็บภาษีอากรแสตมป์ในปี 2007 ได้ทั้งสิ้น 200,500 หยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2006 ถึง 10 เท่าตัว แทบจะเท่ากับจำนวนยอดรวมภาษีอากรแสตมป์ที่จีนเก็บมาตลอดเวลา 16 ปี เมื่ออากรแสตมป์มีประโยชน์ต่อตัวเลขภาษีมากถึงเพียงนี้ การที่จะให้ทางการจีนรีบปล่อยเงินภาษีก้อนโตเช่นนี้ไป จึงเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น