xs
xsm
sm
md
lg

คาดพิษซับไพร์มทำยักษ์แบงก์จีนขาดทุนซ้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์ ออฟ ไชน่า(บีโอซี)ธนาคารใหญ่อันดับ 3 ของจีน
วอลสตรีท เจอนัล/เอเอฟพี-คาดแบงก์ ออฟ ไชน่า(บีโอซี) ธนาคารใหญ่อันดับ 3 ของจีน และเป็นผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่อิงกับสินเชื่อซับไพรม์มากที่สุดในบรรดาสถาบันการเงินทั่วทั้งเอเชีย มีแนวโน้มประกาศลดมูลค่าหลักทรัพย์ที่อิงกับสินเชื่อซับไพรม์ของสหรัฐฯครั้งใหญ่อีกระลอก สะท้อนถึงภาวะถดถอยด้านการเงินที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก

หลังจากที่เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ หนังสือพิมพ์ชื่อดังของฮ่องกง ฉบับวันที่ 21 ม.ค. อ้างแหล่งข่าวภายในของบีโอซี คาดว่าผลประกอบการรอบปี 2007 ของบีโอซี ที่จะประกาศในเดือนเมษายนนี้ อาจลดลงหรือถึงขั้นติดตัวแดง และคาดการณ์ว่า บีโอซีอาจประกาศลดมูลค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับสินเชื่อซับไพรม์ลงอีก 322 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังปรับลดลงเหลือ 7,950 ล้านเหรียญฯ จาก 9,650 ล้านเหรียญฯในเดือนสิงหาคมปี 2007

ในวันอังคาร(22 ม.ค.)ซามูเอล เฉิน นักวิเคราะห์ด้านการเงินของเจพี มอร์แกน(เอเชีย)ซิเคียวริตี้ส์คาดการณ์ว่า บีโอซีจะปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ลงเกือบ 2,000 ล้านเหรียญฯ ของหลักทรัพย์อิงกับสินเชื่อซับไพรม์ที่บีโอซีถือครองอยู่ตลอดปี 2007

การปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ฯมูลค่ามหาศาลครั้งนี้ อาจกระทบผลกำไรในปี 2007 ของบีโอซี ซึ่งปีที่แล้วมีผลกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ถึงเกือบ 6,000 ล้านเหรียญฯ ขณะนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า กำไรของบีโอซีอาจพุ่งแตะ 8,000 ล้านเหรียญฯในปี 2008 โดยไม่ได้รวมรายได้ที่เสียไปจากวิกฤตซับไพรม์เข้าไปด้วย

ข่าวคาดการณ์แนวโน้มประกาศลดมูลค่าสินทรัพย์ของบีโอซี สร้างความตื่นตระหนกแก่นักลงทุนที่มีความกังวลในเรื่องวิกฤตซับไพรม์อยู่แล้ว โดยเมื่อวันจันทร์(21 ม.ค.) ดัชนีคอมโพสิทเซี่ยงไฮ้ร่วงลง 5.1 % ไปปิดที่ 4914.44 ต่ำกว่า 5,000 จุดเป็นครั้งแรกในปีนี้ ขณะที่หุ้นของบีโอซีในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ร่วงลง 4.1% เหลือหุ้นละ 6.25 หยวน ซึ่งบีโอซี ได้ประกาศระงับการเทรดหุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้ในวันถัดมา ส่วนราคาหุ้นของบีโอซีในตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อวันอังคาร(22 ม.ค.)ลดลง 0.29 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 8.16% เท่ากับหุ้นละ 3.08 ฮ่องกง หลังจากที่ลดลง 6.39% ในวันจันทร์(21 ม.ค.)

ด้านเจ้าหน้าที่ของบีโอซีกล่าวเพียงว่า กำลังทบทวนพอร์ตการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพรม์ และขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะให้ผลสรุปในเรื่องดังกล่าว

ภาวะตกต่ำของตลาดหุ้นจีนในปีนี้ส่วนหนึ่งจากความกังวลของนักลงทุนว่า ธนาคารต่างๆในจีนจะไม่สามารถรถสร้างผลกำไรก้อนมหาศาลได้เหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า ปัญหาตลาดที่พักอาศัยของสหรัฐฯจะส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของจีนด้วย

ด้านเจี่ยงติ้งจือ รองประธานคณะกรรมการกำกับดูและตลาดหลักทรัพย์จีน ออกเตือนในรายงานบนเว็บไซต์ของหน่วยงานในวันเดียวกัน(22 ม.ค.)ว่า ในปีนี้ ธนาคารจีนหลายแห่งจะประสบกับวิกฤตสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น และปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ของสถาบันการเงินจีน ก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะธนาคารรายย่อยเป็นฝ่ายที่ต้องรับศึกหนักสุด ขณะที่ต้องเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจจากหลายด้าน ซึ่งรวมถึง ปัญหาวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐฯด้วย

ทั้งนี้ ข้อมูลของคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์จีนระบุ สัดส่วนเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 16 แห่งของจีนเมื่อสิ้นปี 2007 ลดลงเหลือ 6.7% จากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 7.5% .
กำลังโหลดความคิดเห็น