บลจ.ทหารไทยไม่หวั่นตลาดหุ้นจีนผันผวนกดดันเอ็นเอวีกองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์ร่วงเหลือ 6 บาทกว่า มั่นใจนักลงทุนเข้าใจ และอาศัยจังหวะNAV ทยอยซื้อเก็บเพิ่ม ชี้ขนาดกองทุนไม่เคยลดต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เผยผู้เชี่ยวชาญยังมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีนระยะยาวเป็นบวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นของประเทศจีนเกิดความผันผวนตามภาวะตลาดหุ้นของทั่วโลก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาฯ ส่งผลกระทบทำให้มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์ (ทหารไทย China Equity Index) ปรับตัวลดลง
โดย ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 กองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์มีมูลค่าหน่วยลงทุน 6.9663 บาท ลดลงจากราคาช่วงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ที่ 10.00 บาท กว่า 3.0337 บาท หรือ 30.33% และมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1,591.31 ล้านบาท
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า แม้ว่ามูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์จะมีการปรับตัวลดลง แต่นักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นและไม่ได้ไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกไป สังเกตุได้จากการที่ขนาดของกองทุนที่ยังสามารถคงอยู่ในระดับประมาณ 1,000 ล้านบาทมาโดยตลอด เนื่องมาจากเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีการปรับตัวลงจะมีนักลงทุนเข้ามาซื้อเฉลี่ยต้นทุนเพิ่มโดยตลอด โดยสำหรับมุมมองของผู้เชี่ยวชาญยังมองตลาดหุ้นจีนในระยะยาวเป็นบวกอยู่ โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงน้อยลง
“ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เคยขึ้นไปพีคที่ประมาณ 6,000 จุด และเราก็ออกกองทุนก่อนที่ดัชนีจะขึ้นไปพีคไม่นาน ซึ่งอาจจะผิดจังหวะไปบ้าง แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่าตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้จะขึ้นไปที่ระดับ 9,000 จุด ตรงนี้จึงต้องถามนักลงทุนว่ามีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นจีนหรือไม่ เพราะนักวิเคราะห์ต่างมองว่าตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกมากทีเดียว ในช่วงที่ผ่านมาเราจึงเห็นนักลงทุนเข้ามาเฉลี่ยซื้อเพิ่มตลอดเมื่อราคาปรับตัวลงมา” นางโชติกา กล่าว
นางโชติกากล่าวถึงสถานการณ์การลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลเกาหลีว่า ปัจจุบันแม้ว่าจะมีหลายบริษัทที่ออกกองทุนในลักษณะดังกล่าวและผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลง แต่โดยภาพรวมการลงทุนในลักษณะดังกล่าวก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของทางบลจ.ได้มีการออกกองทุนโดยกระจายอายุโครงการมากขึ้น และได้ออกกองทุนที่มีอายุโครงการที่สั้นลงเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนให้ครอบคลุม
อย่างไรก็ตามแม้ว่าขณะนี้ส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในประเทศไทยและเกาหลีใต้เริ่มลดลง แต่ยังมีส่วนต่างที่มากเพียงพอที่จะออกกองทุนมาเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนไทย เพื่อแสวงหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ ซึ่งในส่วนของการลงทุนนั้น บริษัทไม่ได้เจาะจงที่จะลงทุนในพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ หรือ ตราสารหนี้ของสถาบันการเงินยุโรป(ECP) เพียงอย่างเดียว แต่จะพยายามแสวงหาตลาดการลงทุนใหม่ๆให้แก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
“สำหรับกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้คาดว่าจะยังสามารถออกต่อไปได้อีกระยะ ในขณะเดียวกันเราก็มองหาโอกาสการลงทุนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ในโลกอยู่ด้วยเช่นกัน และต้องยอมรับว่านักลงทุนทั่วโลกเขาก็มองเช่นเดียวกันนี้ บางครั้งเราพบโอกาสแล้ว เช่น พันธบัตรของไต้หวัน แต่มีปริมาณซัพพลายค่อนข้างน้อย บางครั้งพอเห็นเราก็เข้าไปซื้อไม่ทันนักลงทุนต่างชาติเช่นกัน แต่เชื่อว่าทุกบลจ.ต่างมองหาโอกาสการลงทุนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนของตัวเองเสมอ ถ้าโอกาสเกิดขึ้นที่ไหน เราจะไปที่นั่น เพื่อหาประโยชน์จากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ในตลาดโลกมาให้กับผู้ลงทุน โดยที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุน” นางโชติกา กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์ เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ(FIF) มีนโยบายลงทุน 80% ในกองทุนรวมต่างประเทศ iShares FTSE/Xinhuan A50 China Tracker ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดฮ่องกงมีมูลค่าประมาณ 68,000 ล้านบาท โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างผลตอบแทนให้เท่ากับดัชนี FTSE/Xinhua A50 ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นบริษัทเอกชนของจีนประเภท A Shares จำนวน 50 ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น
ขณะที่ iShares FTSE/Xinhua A50 China Tracker จัดตั้งและบริหารโดย Barclays Global Investors North Asia Limited และมี HSBC Institutional Trust Services (Asia) Limited เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์และนายทะเบียนและเน้นการลวทุนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุน ในดัชนี FTSE/Xinhua China A50
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นของประเทศจีนเกิดความผันผวนตามภาวะตลาดหุ้นของทั่วโลก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาฯ ส่งผลกระทบทำให้มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์ (ทหารไทย China Equity Index) ปรับตัวลดลง
โดย ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 กองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์มีมูลค่าหน่วยลงทุน 6.9663 บาท ลดลงจากราคาช่วงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ที่ 10.00 บาท กว่า 3.0337 บาท หรือ 30.33% และมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1,591.31 ล้านบาท
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า แม้ว่ามูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์จะมีการปรับตัวลดลง แต่นักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นและไม่ได้ไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกไป สังเกตุได้จากการที่ขนาดของกองทุนที่ยังสามารถคงอยู่ในระดับประมาณ 1,000 ล้านบาทมาโดยตลอด เนื่องมาจากเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีการปรับตัวลงจะมีนักลงทุนเข้ามาซื้อเฉลี่ยต้นทุนเพิ่มโดยตลอด โดยสำหรับมุมมองของผู้เชี่ยวชาญยังมองตลาดหุ้นจีนในระยะยาวเป็นบวกอยู่ โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงน้อยลง
“ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เคยขึ้นไปพีคที่ประมาณ 6,000 จุด และเราก็ออกกองทุนก่อนที่ดัชนีจะขึ้นไปพีคไม่นาน ซึ่งอาจจะผิดจังหวะไปบ้าง แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่าตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้จะขึ้นไปที่ระดับ 9,000 จุด ตรงนี้จึงต้องถามนักลงทุนว่ามีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นจีนหรือไม่ เพราะนักวิเคราะห์ต่างมองว่าตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกมากทีเดียว ในช่วงที่ผ่านมาเราจึงเห็นนักลงทุนเข้ามาเฉลี่ยซื้อเพิ่มตลอดเมื่อราคาปรับตัวลงมา” นางโชติกา กล่าว
นางโชติกากล่าวถึงสถานการณ์การลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลเกาหลีว่า ปัจจุบันแม้ว่าจะมีหลายบริษัทที่ออกกองทุนในลักษณะดังกล่าวและผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลง แต่โดยภาพรวมการลงทุนในลักษณะดังกล่าวก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของทางบลจ.ได้มีการออกกองทุนโดยกระจายอายุโครงการมากขึ้น และได้ออกกองทุนที่มีอายุโครงการที่สั้นลงเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนให้ครอบคลุม
อย่างไรก็ตามแม้ว่าขณะนี้ส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในประเทศไทยและเกาหลีใต้เริ่มลดลง แต่ยังมีส่วนต่างที่มากเพียงพอที่จะออกกองทุนมาเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนไทย เพื่อแสวงหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ ซึ่งในส่วนของการลงทุนนั้น บริษัทไม่ได้เจาะจงที่จะลงทุนในพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ หรือ ตราสารหนี้ของสถาบันการเงินยุโรป(ECP) เพียงอย่างเดียว แต่จะพยายามแสวงหาตลาดการลงทุนใหม่ๆให้แก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
“สำหรับกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้คาดว่าจะยังสามารถออกต่อไปได้อีกระยะ ในขณะเดียวกันเราก็มองหาโอกาสการลงทุนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ในโลกอยู่ด้วยเช่นกัน และต้องยอมรับว่านักลงทุนทั่วโลกเขาก็มองเช่นเดียวกันนี้ บางครั้งเราพบโอกาสแล้ว เช่น พันธบัตรของไต้หวัน แต่มีปริมาณซัพพลายค่อนข้างน้อย บางครั้งพอเห็นเราก็เข้าไปซื้อไม่ทันนักลงทุนต่างชาติเช่นกัน แต่เชื่อว่าทุกบลจ.ต่างมองหาโอกาสการลงทุนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนของตัวเองเสมอ ถ้าโอกาสเกิดขึ้นที่ไหน เราจะไปที่นั่น เพื่อหาประโยชน์จากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ในตลาดโลกมาให้กับผู้ลงทุน โดยที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุน” นางโชติกา กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยไชน่าอิควิตี้ อินเด็กซ์ เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ(FIF) มีนโยบายลงทุน 80% ในกองทุนรวมต่างประเทศ iShares FTSE/Xinhuan A50 China Tracker ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดฮ่องกงมีมูลค่าประมาณ 68,000 ล้านบาท โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างผลตอบแทนให้เท่ากับดัชนี FTSE/Xinhua A50 ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นบริษัทเอกชนของจีนประเภท A Shares จำนวน 50 ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น
ขณะที่ iShares FTSE/Xinhua A50 China Tracker จัดตั้งและบริหารโดย Barclays Global Investors North Asia Limited และมี HSBC Institutional Trust Services (Asia) Limited เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์และนายทะเบียนและเน้นการลวทุนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุน ในดัชนี FTSE/Xinhua China A50
