xs
xsm
sm
md
lg

กลยุทธ์ลงทุนตลาดจีนช่วงขาลง งดเก็งกำไรระยะสั้น-เน้นถือยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – ตลาดหุ้นจีนยังเจอภาวะผันผวนอีกไกล เหตุหลากปัจจัยรุมเร้า นักวิเคราะห์-นักลงทุนชี้ อย่าเน้นเก็งกำไรระยะสั้น “อย่าตระหนก รีบเทขาย” เน้นถือยาว กำไรระยะยาว

ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากต่างสูญเงินไปกับตลาดหุ้นจีน ที่ดัชนีร่วงลงกว่า 41% นับแต่ช่วงที่ตลาดมีมูลค่าสูงสุดเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ทว่าเจสัน เจ้า นักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการลงทุนกลับไม่ยินดียินร้าย นอกจากนี้เขายังมีข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนด้วยว่า “อย่าตระหนก รีบเทขาย” ให้เน้นการลงทุนระยะยาว

“กำไรมหาศาลจากตลาดหุ้น ทำให้คนจำนวนมากคิดว่า สามารถทำเงินจาตลาดหุ้นได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนก่อน” เจสัน เจ้า นักศึกษามหาวิทยาลัยฟู่ตั้น วัย 22 ปี ซึ่งเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วกล่าว

เมื่อเดือนเม.ย. 2007 เจ้ากล่าวกับเอเอฟพีว่า เขาฟันกำไรมหาศาลจากตลาดหุ้นจีนที่บูมระเบิด ฝีมือการลงทุนจนได้กำไรมหาศาล ทำให้เพื่อนและอาจารย์ฝากเงินให้เจ้าลงทุนให้ ไม่นานนักเจ้าพบว่า เขาต้องบริหารเงินจำนวนกว่า 5 ล้านหยวน

เจ้าเผยว่า เมื่อปีที่แ ล้วเขาได้กำไรจากตลาดหุ้นเกือบ 3 ล้านหยวน โดยมีปัจจัยจากการที่ตลาดหุ้นจีนร้อนไม่หยุดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปี 2006 ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ถีบตัวขึ้นกว่า 130% ส่วนปี 2007 ก็เพิ่มขึ้นอีก 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทว่าเมื่อตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ขาลง เจ้ากลับนิ่งเฉยไม่กังวลแต่ประการใด “ผมไม่ตระหนกรีบเทขาย แม้ผมจะสูญทรัพย์ไปกว่า 10% ตั้งแต่เดือนม.ค. พวกที่รีบเทขาย เป็นคนที่หวังกำไร 2-3 เท่า ซึ่งตอนนี้เป็นไปไม่ได้”

เมื่อวันศุกร์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ปิดตัวที่ 3,580 จุด ทว่าก็ยังห่างไกลจากช่วงพีคเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2007 ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 6,092 จุด ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และฮั่งเส็งที่ฮ่องกงมีความเชื่อมโยงกันสูงมากในปัจจุบัน เมื่อที่ใดขึ้น อีกทีก็จะขึ้นตาม เช่นเดียวกันหากที่ใดที่หนึ่งมีมูลค่าลดลงก็จะฉุดให้อีกตลาดหนึ่งร่วงตาม

ทั้งนี้ตลาดหุ้นจีนเองก็หนีไม่พ้นจากผลกระทบของวิกฤตซับไพรม์ ซึ่งเกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกับที่ภายในตลาดจีนเองยังคงมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย อาทิเงินเฟ้อซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี ที่ 8.7% ในเดือนก.พ.

สติเว่น ซุน นักวิเคราะห์จาก เอชเอสบีซี ฮ่องกงชี้ว่ามี 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นทรุด คือ เศรษฐกิจมหภาคที่ย่ำแย่, การควบคุมเครดิตอย่างเข้มงวด และผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ลดลง นอกจากนี้ภาวะความไม่สงบในทิเบตช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมายังทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนตกต่ำ

เฉียน ฉีหมิน นักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์เซินอิ๋น วั่นกั๋ว ชี้ว่า “ปัญหาตอนนี้คือหุ้นที่ซื้อขายไม่ได้ถูกปลดล็อค สำหรับซื้อขายแล้ว แต่ยังไม่มีเงินทุนใหม่ไหลเข้ามาในตลาด”

เมื่อ 3 ปีที่แล้วนโยบายของปักกิ่ง ที่ตัดสินใจแปรหุ้นวิสาหกิจที่ซื้อขายไม่ได้ เป็นหุ้นที่สามารถซื้อขายได้ทำให้นักลงทุนแทบคลั่งกับโอกาสอันเย้ายวน จนพวกเขาไม่ฟังเสียงนักวิเคราะห์ว่า การปลดดล็อคดังกล่าว จะทำให้ตลาดต้องเผชิญกับการหลั่งไหลของอุปทานจำนวนมาก

เจอร์รี่ โหลว จากมอร์แกน สแตนลีย์ชี้ว่าปีหน้า นักลงทุนต้องเผชิญกับการไหลทะลักของหุ้นที่ถูกปลดล็อครวมมูลค่ากว่า 1.6 ล้านล้านหยวน ทบกับหุ้นค้างเติ่งในปี 2007 รวมมูลค่ากว่า 1.1 ล้านหยวนที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่ในตลาดขายไม่อออก

ภาวะเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนจีนต้องเผชิญกับความยากลำบากไปอีกนาน เพราะทางการจีนยังมีนโยบายคุมเข้มการลงทุนในตลาด ด้วยเกรงว่าการลงทุนที่ร้อนแรงเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่แตก
กำลังโหลดความคิดเห็น