เอเชี่ยนวอลสตรีท - อุปทานรถยนต์ช่วงไตรมาสแรกของปี 2008 กลับมาแรงอีกครั้ง ยอดจำหน่ายของผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่พุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ตลาดหุ้นจีนหดตัว ผนวกกับปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้น
โดยในช่วงเดือนมกราคมจนถึงมีนาคม รถยนต์ประมาณ 2.58 ล้านคันถูกจำหน่ายในจีน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 21% ตามข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศ
อุปทานจีนที่แข็งแกร่งดันยอดจำหน่ายบริษัทรถยนต์ทำลายสถิติ ชดเชยปัญหาที่บริษัทจีนกำลังเผชิญปัญหาในสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจมะกันชะลอตัว
ดังเช่น ยอดจำหน่ายฮอนด้า มอเตอร์ คอร์ปในจีน โตขึ้น 29% เป็น 112,438 คันในช่วงไตรมาสแรกขณะที่ยอดขายที่สหรัฐฯ ลดลง 0.4% โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมนั้นยอดจำหน่ายของฮอนด้าในจีนเพิ่มขึ้น 72% มาเป็น 52,862 คัน ขณะที่ยอดจำหน่ายในสหรัฐฯ ตกฮวบ 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยได้ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นใหม่เป็นพระเอกดึงดูดลูกค้า ด้านฟอร์ด มอเตอร์ ช่วงไตรมาสแรกก็ทำยอดขายในจีนได้เพิ่มขึ้น 47% หรือ 90,791 คัน ทำลายสถิติยอดจำหน่ายของฟอร์ดในจีนด้วย
ขณะที่โฟล์คสวาเกนขายได้ 103,200 คันในจีนเฉพาะเดือนมีนาคม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่ขายได้รถยนต์ในจีนทะลุ 100,000 คันภายในหนึ่งเดือน โดยยอดจำหน่ายรวม 3 เดือนแรกของปีทั้งในแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า และฮ่องกง เท่ากับ 268,200 คัน เพิ่มขึ้น 32.5% เช่นเดียวกับ BMW ที่ยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 43.2% เท่ากับ 14,574 คัน
จะเห็นได้ว่า ความต้องการรถยนต์ของผู้บริโภคจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เริ่มซบเซา และภาวะเงินเฟ้อยังคงเล่นงานจีนเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม เบน ซิมป์เฟนดอร์เฟอร์ นักกลยุทธศาสตร์ประเทศจีนจากรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ระบุว่า ผู้บริโภคจีนดูจะไม่อ่อนไหวไปกับความเปลี่ยนแปลงในตลาดหุ้น พร้อมกล่าวว่า อัตราการออมในจีนนั้นยังอยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งเขาคิดว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับจีนมากนัก
ทั้งนี้ ราคารถยนต์โดยสารส่วนตัวในจีนตกประมาณคันละ 100,000-150,000 หยวน (14,280-21,420 เหรียญสหรัฐ) ซึ่งไม่ถือว่าเหลือบ่ากว่าแรงชนชั้นกลางในจีน ซึ่งมีกำลังซื้อและความต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัวสูง ตามที่ แมทธิว ข่ง นักวิเคราะห์ธุรกิจรถยนต์จากฟิต เรทติ้งกล่าว
โดยในช่วงเดือนมกราคมจนถึงมีนาคม รถยนต์ประมาณ 2.58 ล้านคันถูกจำหน่ายในจีน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 21% ตามข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศ
อุปทานจีนที่แข็งแกร่งดันยอดจำหน่ายบริษัทรถยนต์ทำลายสถิติ ชดเชยปัญหาที่บริษัทจีนกำลังเผชิญปัญหาในสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจมะกันชะลอตัว
ดังเช่น ยอดจำหน่ายฮอนด้า มอเตอร์ คอร์ปในจีน โตขึ้น 29% เป็น 112,438 คันในช่วงไตรมาสแรกขณะที่ยอดขายที่สหรัฐฯ ลดลง 0.4% โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมนั้นยอดจำหน่ายของฮอนด้าในจีนเพิ่มขึ้น 72% มาเป็น 52,862 คัน ขณะที่ยอดจำหน่ายในสหรัฐฯ ตกฮวบ 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยได้ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นใหม่เป็นพระเอกดึงดูดลูกค้า ด้านฟอร์ด มอเตอร์ ช่วงไตรมาสแรกก็ทำยอดขายในจีนได้เพิ่มขึ้น 47% หรือ 90,791 คัน ทำลายสถิติยอดจำหน่ายของฟอร์ดในจีนด้วย
ขณะที่โฟล์คสวาเกนขายได้ 103,200 คันในจีนเฉพาะเดือนมีนาคม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่ขายได้รถยนต์ในจีนทะลุ 100,000 คันภายในหนึ่งเดือน โดยยอดจำหน่ายรวม 3 เดือนแรกของปีทั้งในแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า และฮ่องกง เท่ากับ 268,200 คัน เพิ่มขึ้น 32.5% เช่นเดียวกับ BMW ที่ยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 43.2% เท่ากับ 14,574 คัน
จะเห็นได้ว่า ความต้องการรถยนต์ของผู้บริโภคจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เริ่มซบเซา และภาวะเงินเฟ้อยังคงเล่นงานจีนเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม เบน ซิมป์เฟนดอร์เฟอร์ นักกลยุทธศาสตร์ประเทศจีนจากรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ระบุว่า ผู้บริโภคจีนดูจะไม่อ่อนไหวไปกับความเปลี่ยนแปลงในตลาดหุ้น พร้อมกล่าวว่า อัตราการออมในจีนนั้นยังอยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งเขาคิดว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับจีนมากนัก
ทั้งนี้ ราคารถยนต์โดยสารส่วนตัวในจีนตกประมาณคันละ 100,000-150,000 หยวน (14,280-21,420 เหรียญสหรัฐ) ซึ่งไม่ถือว่าเหลือบ่ากว่าแรงชนชั้นกลางในจีน ซึ่งมีกำลังซื้อและความต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัวสูง ตามที่ แมทธิว ข่ง นักวิเคราะห์ธุรกิจรถยนต์จากฟิต เรทติ้งกล่าว