พาณิชย์ เร่งสางปัญหาไอ้โม่งปั่นราคาข้าวถุงในห้าง-ท้องตลาด มีส่วนต่างถึง 10% ทำให้ประชาชนแห่ซื้อกักตุนหนักขึ้น หันใช้แคมเปญข้าวธงฟ้าราคาถูกกว่า 20-30% แทรกแซงตลาด ซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน หวังแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเชื่อว่าปัญหาจะคลี่คลายได้เองในเดือนหน้า ด้านผู้ผลิตข้าวถุง เตรียมขอขยับขึ้นราคา 10% วันที่ 1 พ.ค.นี้
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ข้าวถุงภายในประเทศขาดแคลนและมีราคาแพงในณะนี้ โดยยอมรับว่า ช่วงนี้โครงสร้างราคาข้าวถุงในประเทศกำลังปรับตัว โดยข้าวในห้างค้าปลีกอาจต้องขึ้นราคา ขณะที่ข้าวนอกห้างจะลดลงเพื่อให้ราคาสมดุลกันจากปัจจุบันที่ราคาต่างกัน 10% แต่รัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการใดออกมาบังคับ เพราะเชื่อว่าผู้ประกอบการข้าวภายในประเทศขณะนี้เริ่มปรับตัวแล้ว
“ผมประเมินว่า ราคาข้าวถุงในขณะนี้ ถือว่าปรับขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว โดยราคาหน้าถุงข้าวหอมมะลิขณะนี้อยู่ที่ 210 บาทต่อถุง ข้าวขาว 160 บาทต่อถุง แต่ราคาที่จำหน่ายยังไม่ถึงราคาหน้าถุงที่ตั้งไว้ เช่น ข้าวหอมมะลิราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 155-209 บาท ต่อถุง ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลว่าข้าวจะปรับขึ้นราคาเพดานหน้าถุงขึ้นมาอีก อีกทั้งยังไม่มีผู้ผลิตข้าวถุงขอขึ้นราคาอย่างเป็นทางการ”
กรณีผู้ประกอบการข้าวถุงจะปรับขึ้นราคาอีก 10% นั้น ในขณะนี้ กรมฯ ยังไม่ได้รับหนังสือขอปรับราคาจากผู้ประกอบการแต่อย่างใด โดยเข้าใจว่า การที่ผู้ประกอบการประกาศเรื่องดังกล่าว อาจดูจากโครงสร้างราคา แนวโน้มต้นทุนราคาจากโรงสีข้าว และผู้ส่งออก
ทั้งนี้ ราคาข้าวถุงที่ขายในท้องตลาด ล่าสุด พบว่า ยังขายไม่เต็มราคาเพดาน ซึ่งราคาข้าวหอมมะลินั้นราคาเฉลี่ย 210 บาท/ถุงขนาด 5 กก.แต่ราคาขายที่แท้จริงต่ำกว่า 10-20 บาท/ถุง และจากการที่กรมฯ ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการข้าวถุงและห้าง ในการจำหน่ายข้าวถุงราคาถูก ก็ทำให้ข้าวถุงในห้าง จะมียอดขายเพิ่มจาก 30% เป็น 40-50% คาดว่าจะดึงให้ราคาข้าวทั่วไปถูกลง ประกอบกับนับจากนี้ข้าวขาว 5% ผลผลิตเริ่มสู่ท้องตลาด รวมถึงการที่ผู้ส่งออกชะลอความร้อนแรงของการส่งออก จึงเชื่อมั่นว่าข้าวขาวราคาจะทรงตัว และยืนยันข้าวไม่ขาดแคลนแน่นอน
ส่วนการดูแลข้าวถุงภายในประเทศนั้น คงไม่ใช้มาตรการใดออกมาบังคับ เพราะเชื่อว่าผู้ประกอบการข้าวภายในประเทศขณะนี้ เริ่มปรับตัว โดยเฉพาะราคาข้าวถุงภายในห้างกับตลาดที่มีความแตกต่างกัน ทำให้ประชาชนแห่ซื้อข้าวถุงภายในห้างค้าปลีกเพิ่มขึ้นนั้น คาดว่าหลังจากนี้ตลาดข้าวจะปรับตัวเข้าหากัน
**ปชช.เลิกกว้านซื้อในห้าง แห่ซื้อข้าวธงฟ้า
ด้านบรรยากาศงานธงฟ้า เอาต์เลทเซลล์ ที่อาคารแสดงสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก วานนี้ พบว่ามีประชาชนจำนวนมากและเหล่าบรรดาผู้ค้ารายย่อย พากันแย่งชิงแห่ขนซื้อข้าวสารถุง ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 20-65 บาท และให้ซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน โดยงานดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.-4 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ข้าวขาว 5% ราคา 145 บาท ถูกกว่าตลาดถุงละ 20 บาท ข้าวหอมมะลิแท้ เช่น ข้าวหงษ์ทอง เจียเม้ง ข้าวมาบุญครอง ข้าวตราเกษตร ข้าวตราฉัตร ข้าวอู่ทอง ถูกกว่าตลาดถุงละ 20-40 บาท ราคา 185-195 บาท นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหมู กก. ละ 98 บาท กุ้งขาว 1 กก. ขนาด 75-80 ตัว ราคา 109 บาท ไข่ไก่เบอร์ 4 ฟองละ 2.20 บาท น้ำมันพืช และชุดนักเรียน ราคาถูกกว่าตลาด
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า รัฐบาลจะจัดสินค้าธงฟ้าราคาถูกทั่วประเทศอย่างน้อย 20 ครั้งในช่วงเดือน พ.ค. โดยกรมจะใช้การแทรกแซงตลาดด้วยธงฟ้าเป็นกลไกคุมเงินเฟ้อให้ได้ตามเป้าที่ตั้ง 3.5% โดยสินค้าธงฟ้าจะถูกกว่าทั่วไป 20-40%
**ผู้ส่งออก ชี้ปมส่วนต่างในตลาดโลก
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์ข้าวตลาดโลกอาจปรับขึ้นต่อเพราะประเทศฟิลิปปินส์ได้อนุมัติซื้อข้าว 25% จากไทย เวียด นาม และปากีสถานในราคาที่สูงมาก โดยไทยขายได้ตันละ 1,080-1,190 เหรียญสหรัฐ เวียด นาม 1,200 เหรียญ และปากีสถาน 870 เหรียญ รวมเป็นปริมาณ 325,000 ตัน จากที่ต้องการ ซื้อ 500,000 ตัน
ส่วนข้าวที่ขาดรัฐบาลฟิลิปปินส์จะนำไปรวมกับการประมูลรอบใหม่วันที่ 5 พ.ค. นี้ รวมเป็น 650,000 ตัน อย่างไรก็ตาม การประมูลรอบใหม่ผู้ส่งออกไทยอาจเสียโอกาส และมีแนวโน้มส่งออกลดลงในไตรมาสสอง 20-25% เพราะรัฐบาลฟิลิปปินส์กำหนดเงื่อนไขผู้ส่งออกต้องได้การรับรองจากรัฐบาลผู้เสนอขาย เท่ากับจะเหลือเวียดนามประเทศเดียวกับการเสนอขาย ครั้งใหม่
นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า การที่ร่วมกับบริษัท ไทยฟ้า เสนอขายข้าวฟิลิปปินส์ 20,000 ตันนั้น ในส่วนของบริษัทขายได้ 8,000 ตัน และได้ราคาเอฟโอบี หรือราคาข้าวไม่รวมประกันภัยและค่าระวางเรือ 1,000 เหรียญ และส่งมอบภายในเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ และกำลังรอคำตอบจากกระทรวงพาณิชย์ ที่เสนอให้รัฐบาลรับรองผู้ส่งออกในการเข้าร่วมประมูลขายข้าวให้ฟิลิปปินส์ 5 พ.ค.นี้
**เลี้ยบ ไม่หวั่นญี่ปุ่นล้มโต๊ะนำเข้าข้าวไทย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีนโยบายระบายสต๊อกข้าวสำรอง 2.1 ล้านตัน จนกว่าผลผลิตข้าวในฤดูกาลใหม่ จะออก และจะไม่นำเข้าร่วมประมูลข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ 5 พ.ค.นี้ ส่วนจะมีการดำเนินการในด้านอื่นเพื่อเข้าร่วมประมูลหรือไม่นั้น จะต้องหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก่อน ส่วนกรณีญี่ปุ่นมีการล้มประมูลข้าวไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะขณะนี้ตลาดข้าวสำคัญยังไม่ได้เปิดประมูลอีกหลายแห่ง
ขณะที่สำนักข่าวเอพี รายงานจากประเทศสิงคโปร์ โดยระบุว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับสำนักข่าวดาวโจนส์ ระหว่างการเดินสายโปรโมตโรดโชว์ ส่งเสริมการลงทุนของไทย ว่า ประเทศไทยมีปริมาณข้าวเพื่อการส่งออกอย่างเพียงพอตามความต้องการและจะไม่ลดปริมาณการส่งออก
