xs
xsm
sm
md
lg

แฉต้นเหตุข้าวขาดแคลน เดือนเดียวยอดซื้อพุ่ง 2.8 ล้านถุง พณ.ลั่น 7 วันมีขายเต็มห้างฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พาณิชย์ ชี้ต้นตอข้าวถุงแพง-ขาดตลาด เกิดจากประชาชนตื่นตระหนก แห่กักตุนหลังรัฐมนตรีแถลงข่าวปั่นราคา เผยยอดซื้อเดือนเดียวสูงกว่าปรกติถึง 1 ล้านถุง ยืนยันสัปดาห์หน้า มีข้าวถุงขายเต็มห้างฯ สั่งผลิตเพิ่มอีก 58% จาก 1.9 ล้านถุง เพิ่มขึ้นเป็น 2.8 ล้านถุง ผู้ผลิตชี้ ต้นเหตุข้าวในห้างขาดตลาดฯ เนื่องจากราคาในห้างค้าปลีกและภายนอก มีส่วนต่างถึง 30 บาท ตามนโยบายรัฐบาล ส่งผลให้มีการซื้อเก็งกำไร คต.ยันรัฐไม่มีมาตรการห้ามส่งออกข้าว

วันนี้(24 เม.ย.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวภายหลังประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารห้างทั้ง 4 ห้างใหญ่ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงและสมาคมโรงสีข้าว เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์ขาดบรรจุถุงขาดแคลนไม่เพียงพอต่อการบริโภคขณะนี้โดยทุกฝ่ายต่างยืนยันว่า ภายใน 1 สัปดาห์ ปริมาณข้าวถุงที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าจะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากทางผู้ผลิตข้าวถุงและห้างสรรพสินค้าได้พูดคุยทำความเข้าใจร่วมกันแล้ว โดยผู้ผลิตข้าวถุงจะส่งข้าวให้ห้างสรรพสินค้าจำหน่ายมากขึ้นตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ห้างสรรพสินค้ายอมจ่ายเงินค่าข้าวให้ผู้ผลิตเร็วขึ้น จากเดิมที่จ่าย 45-60 วันหลังได้รับข้าว ก็เปลี่ยนมาจ่ายภายใน 30 วัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายขอเวลาปรับระบบการค้าข้าวภายใน 1 สัปดาห์ พร้อมรับปากว่า ต้นเดือน พ.ค.นี้ สถานการณ์จำหน่ายข้าวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ด้านสมาคมโรงสีข้าวไทย ก็ยืนยันว่า โรงสีจะระบายข้าวออกมาอย่างแน่นอน

นายสมฤกษ์ ตั้งวิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ปริมาณข้าวถุงที่ผู้ผลิตส่งให้ห้างสรรพสินค้าในเดือน เม.ย.นี้ มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค.ถึงร้อยละ 58 จาก 1.9 ล้านถุง เพิ่มขึ้นเป็น 2.8 ล้านถุง แต่ที่ยังมีปัญหาข้าวขาดแคลนเนื่องจากราคาจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ถูกกว่าราคาจำหน่ายนอกห้างเฉลี่ยถุงละ 30 บาท ตามที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตช่วยลดราคาช่วยเหลือผู้บริโภค ประกอบกับข้าวที่ยังจำหน่ายอยู่เป็นข้าวในสตอกเก่า จึงจำหน่ายได้ในราคาถูกส่งผลให้บรรดาร้านข้าวแกง และภัตตาคาร ตลอดจนร้านข้าวสารนอกห้าง แห่มาซื้อข้าวถุงในห้างไปเก็บไว้ ข้าวถุงจึงหายไปจากชั้นวางจำหน่าย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ หลังจากจัดระเบียบราคาข้าวในห้างและนอกห้างให้จำหน่ายในราคาใกล้เคียงกันจากปัจจุบันที่มีส่วนต่างราคาในห้างถูกกว่านอกห้างร้อยละ 10 ส่วนราคาข้าวในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เป็นต้น

**ยันรัฐไม่มีมาตรการห้ามส่งออกข้าว

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยในงานสัมมนาสถานการณ์ราคาข้าว : โอกาสของชาวนาไทยว่า เชื่อว่าในปีนี้การส่งออกข้าวของไทยมีแนวโน้มอาจจะเกินเป้าหมายที่ 9 ล้านตัน เนื่องจากในตลาดโลกมีความต้องการสินค้าเกษตรเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ประเทศคู่แข่งการส่งออกข้าวของไทยไม่สามารถส่งออกหรือมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้คำสั่งซื้อนั้นมุ่งตรงมายังไทย แต่อย่างไรก็ตาม ย้ำว่านโยบายของภาครัฐยังไม่มีมาตรการห้ามส่งออก นอกจากนี้ยังคงเก็บสต็อกในประเทศที่มีอยู่กว่า 2.1 ล้านตันนั้นเอาไว้เพื่อความมั่นคงในประเทศ

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าเกษตรในช่วงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องของโครงสร้างทั้งระบบไม่ใช่เพียงการปรับขึ้นเพียงชั่วคราว จากเดิมที่ชาวนาไม่สามารถกำหนดราคาขายข้าวได้ ปัจจุบันสามารถกำหนดได้แล้ว เช่นเดียวกับผู้ส่งออกจากเดิมที่ไม่เคยมีการสำรองข้าวเก็บไว้ในสต็อกก็ต้องหันมากันเอาไว้ 30-40% ดังนั้นไทยควรถือโอกาสปรับโครงสร้างภายในประเทศและใช้การตลาดนำการผลิต เพื่อใช้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ให้เป็นโอกาสทอง และอย่าเน้นเรื่องของปริมาณมากจนเกินไป ควรหันมาให้ความสำคัญเรื่องของคุณภาพสินค้ามากกว่า ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกยังคงจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจจะไม่ถึง 2,000 เหรียญ/ตัน แต่คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเท่าใด

ทั้งนี้ จากที่ราคาสินค้าเกษตรมีการปรับขึ้นมากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำสินค้าเกษตรไปใช้เป็นพลังงาน จึงทำให้ทุกประเทศหันมาใช้พื้นที่เพื่อการเพาะปลูกมากขึ้น และปัจจุบันทุกประเทศได้สร้างนโยบายความมั่นคงของอาหารภายในประเทศเพื่อเพิ่มผลผลิต ซึ่งเชื่อว่าอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งผลกระทบดังกล่าวคือ ประเทศดังกล่าวอาจจะไม่นำเข้าสินค้าเกษตรเหมือนแต่เดิม

ด้านนายนิพนธ์ พัวพงศกร คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า เชื่อว่าแนวโน้มราคาข้าวยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น แต่อาจไม่สูงสุดผิดปกติเท่าในปัจจุบัน เนื่องจากหลังจากนั้นจะมีผลผลิตออกมามากขึ้นทำให้ราคาอ่อนตัวลงบ้างแต่ยังทรงตัวในระดับที่สูง เพราะว่าผลผลิตที่ออกมามีไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค แต่แนวโน้มราคาจะอยู่ที่ระดับใดเป็นเรื่องที่ต้องตามกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น