ผู้จัดการรายวัน - “พาณิชย์” เตรียมเปิดตัวข้าวถุงธงฟ้ามหาชน 12 พ.ค.นี้ ผลิตล๊อตแรก 2 แสนถุงเป็นข้าว 5% ขณะที่ราคาข้าวในท้องตลาดตกวูบตันละ 500บาท คาดพ่อค้ากักตุนข้าวเร่งระบายข้าวสู่ท้องตลาด “ยรรยง”แย้ม หากประชาชนต้องการข้าวชนิดอื่นๆ ก็พร้อมจะผลิตออกมาเพิ่ม พร้อมปิดประตูตายไม่รับรองผู้ส่งออกประมูลข้าวฟิลิปปินส์ 5 พ.ค.นี้ เหตุกฎหมายทำไม่ได้ ยันไม่กระทบส่งออก เหตุข้าวไทยมีคนเข้าคิวรอซื้ออีกเพียบ
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการพิจารณาการจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน จะประชุมเพื่อพิจารณาถึงปริมาณข้าวถุงที่จะผลิตออกมาขายให้ประชาชน รวมถึงราคาขายที่เหมาะสม โดยยืนยันว่าราคาจะต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 20% เบื้องต้น คาดว่าจะผลิตออกมาขายได้ประมาณ 200,000 ถุง และจะนำเงินที่ได้จากการขายข้าวถุงมาซื้อข้าวใหม่นำไปเก็บในสต๊อกรัฐบาลแทน โดยวันที่ 12 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบสถาปนา 66 ปี กรมการค้าภายใน จะมีการเปิดตัว “ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน” เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะตั้งเป้าผลิตเฉพาะข้าวขาว 5% แต่หากประชาชนต้องการข้าวชนิดอื่นๆ ก็จะผลิตด้วยเช่นกัน
“ข้าวถุงธงฟ้าของรัฐบาล ไม่มีผลต่อราคาส่งออก หรือไม่มีส่วนทำให้ราคาส่งออกข้าวของไทยลดลง เพราะเป็นข้าวที่ผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ ไม่ใช่เพื่อส่งออก ดังนั้น ผู้ส่งออกที่พูดว่าข้าวถุงรัฐบาลทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยลดลงนั้น ไม่เป็นความจริง และน่าจะพูดเพื่อหวังผลทางจิตวิทยามากกว่า” นายยรรยงกล่าว
**ข้าวถุงทำราคาตกวูบ
แหล่งข่าวจากสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่าหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้นำข้าวในสต็อกกลางของรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน ออกมาทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชนขายให้กับประชาชนในราคาถูก ส่งผลให้ราคาข้าวในท้องตลาดปรับตัวลดลงกว่า 500 บาทต่อตัน โดยเฉพาะข้าวขาว เพราะตลาดมีความอ่อนไหว ซึ่งทำให้ต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อข้าว เพราะต้องรอดูว่ารัฐบาลไทยจะทยอยนำข้าวออกมามากน้อยแค่ไหน จึงต้องรอดูทิศทางกันอีกครั้ง
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าการที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดตัวข้าวธงฟ้ามหาชนนี้ คาดว่าจะส่งผลต่อพ่อค้าข้าวคนกลางซึ่งเป็นผู้ส่งออกและเป็นผู้ผลิตข้าวถุง ที่ส่งให้กับห้างโมเดิรน์เทรดจะต้องเร่งระบายข้าวที่ตุนไว้ออกมาจำหน่ายในตลาดให้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นข้าวธงฟ้าจะออกมาสู่ตลาดเช่นกัน ทำให้ปริมาณข้าวในท้องตลาดมีมากขึ้น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ามีพ่อค้าคนกลางเป็นผู้กักตุนข้าวเพื่อเก็งกำไร และไม่ส่งมอบข้าวกับห้างโมเดิร์นเทรดเพื่อจำหน่ายให้กับประชาชน แถมยังมาอ้างเรื่องเงื่อนไขการชำระเงินว่าล่าช้าทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องแต่เมื่อโมเดิร์นเทรดเขายอมปรับเงื่อนไขการชำระเงินและลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้แต่ก็ไม่สามารถส่งมอบให้ตามคำสั่งซื้อได้ จึงมีปัญหาการขาดแคลนขึ้น
“คาดว่ารัฐบาลทำข้าวธงฟ้าเพราะต้องการดัดหลังพ่อค้าที่กักตุนข้าวไว้ โดยเฉพาะพ่อค้าคนกลางที่ทำข้าวถุงขายมักอ้างว่าห้างโมเดิร์นเทรดทำการกักตุนข้าว เมื่อรัฐทำข้าวถุงออกมาขายก็ทำให้เห็นว่าราคาข้าวตกและมีปริมาณข้าวถุงในท้องตลาดเพิ่มขึ้น “แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว เปิดเผยว่ารัฐทำข้าวธงฟ้ามหาชน ต้องดูรายละเอียดว่าจะทยอยข้าวที่มีอยู่ในโกดังออกมาเพื่อระบายให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีผลกระทบต่อจิตวิทยาทางด้านตลาดบ้างเท่านั้น แต่ต้องยอมรับว่าราคาข้าวในต่างประเทศเริ่มมีการปรับตัวลดลงจากหลายปัจจัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะลูกค้าต้องรอดูท่าทีเช่นกัน เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาข้าวมีราคาสูง บางประเทศจึงต้องชะลอการซื้อไว้ก่อน
**ต่างชาติเข้าคิวซื้อข้าวไทย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า มีหลายๆ ประเทศได้มีการติดต่อขอซื้อข้าวจากไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เวียดนามและอินเดียได้ชะลอการส่งออกข้าว โดยล่าสุดไนจีเรียได้แจ้งความประสงค์จะซื้อข้าว 5 แสนตัน ติมอร์ 4.5 หมื่นตัน ศรีลังกา 5 หมื่นตัน รวมไปถึงไลบีเรียที่แจ้งว่ามีความสนใจจะนำเข้าข้าวจากไทยจากเดิมที่ซื้อจากเลบานอน ยังไม่รวมอีกหลายประเทศในแอฟริกา และตะวันออกกลาง ที่คาดว่าจะมีการซื้อในเร็วๆ นี้
“ตอนนี้ประเทศผู้ส่งออกข้าวหลายประเทศได้ชะลอการส่งออก ทำให้ไทยมีมาร์เก็ตแชร์ข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็น 45% และจนถึงขณะนี้ ไทยยังยืนยันว่าไม่มีนโยบายแทรกแซงการส่งออก และจะสนับสนุนการส่งออกข้าวอย่างเต็มที่ เพียงแต่จะดูแลให้การส่งออกทั้งปีอยู่ในระดับ 9 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับที่ผลผลิตไทยมีเพียงพอส่งออก แต่ถ้าหากต่อไปมีผลผลิตสูงขึ้น การจะส่งออกเพิ่มขึ้นก็ค่อยว่ากัน”นางอภิรดีกล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 เม.ย.2551 ไทยส่งออกข้าวแล้ว 4.07 ล้านตัน มูลค่า 1,913 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 60,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณ 3 ล้านตัน มูลค่า 1,101 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 37,434 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 74% และ 61% ตามลำดับ
**ปัดรับรองผู้ส่งออกประมูลข้าวปินส์
นางอภิรดีกล่าวว่า ส่วนการประมูลข้าวที่ฟิลิปปินส์จำนวน 5 แสนตัน ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะไม่รับรองผู้ส่งออกเพื่อให้เข้าร่วมในการประมูลตามเงื่อนไขที่รัฐบาลฟิลิปปินส์กำหนดไว้ เพราะตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ และยิ่งฟิลิปปินส์กำหนดให้รัฐบาลประเทศที่รับรองต้องรับผิดชอบเป็นอันดับหนึ่ง ไทยยิ่งทำไม่ได้ โดยตามกฎหมายรัฐบาลสามารถรับรองหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของไทย และต้องผ่านมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น จะมาใช้กับเอกชนไม่ได้
“ก็คงต้องปล่อยไป กรมฯ คงไม่ไปประมูลข้าวเอง แล้วนำมาจัดสรรให้กับเอกชน ในสถานการณ์แบบนี้ ทีโออาร์ที่ออกมาแบบนี้ มันปิดไทยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง หากไทยไม่ได้ประมูลข้าวฟิลิปปินส์ ไทยก็ยังมีประเทศอื่นๆ ที่รอซื้อข้าวไทยอยู่ และยิ่งมีผู้เสนอประมูลน้อยราย ถ้าไปตั้งราคาสูงเกินไป ฟิลิปปินส์คงไม่รับ ที่สำคัญ เวียดนามเอง คงเสนอไม่ได้เต็มจำนวนที่ฟิลิปปินส์ต้องการ ดังนั้น คิดว่าไทยคงมีโอกาสในรอบต่อไป” นางอภิรดีกล่าว
**โรงสีอัด "มิ่ง" ทุบราคาข้าว
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการโรงสีข้าว กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกและข้าวสารในประเทศได้ปรับราคาลงมา หลังจากที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ออกมาประกาศว่าจะนำข้าวในสต๊อกรัฐบาล 2.1 ล้านตัน มาทำข้าวถุงธงฟ้าอีกรอบ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ รมว.พาณิชย์ เคยยืนยันจะไม่ทำข้าวถุง เพราะว่าปริมาณข้าวไม่ขาดแคลน ส่งผลให้ตลาดข้าวขณะนี้เกิดความปั่นป่วน เพราะไม่แน่ใจในนโยบายของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้ส่งออกข้าวชะลอการซื้อข้าวในตลาด เพราะรอดูสถานการณ์ด้านราคาที่คาดว่าราคาข้าวจะตกต่ำลง
“ช่วง 2-3 วันนี้ ราคาข้าวในตลาดปั่นป่วนอย่างหนัก จากการเก็งกันว่าราคาข้าวในตลาดจะลดลง จะการทำข้าวถุงของรัฐประกอบกับข้าวนาปรังที่ออกมาในระยะนี้จำนวนมาก ส่งผลให้ข้าวเปลือกหอมมะลิหยุดการซื้อขายในตลาด หลังจากที่ราคาข้าวสารหอมมะลิร่วงลงมากระสอบละ 500 บาท ข้าวขาวร่วงลงมา 300 บาท เช่นกัน ขณะที่ตลาดผู้นำเข้าก็หยุดรอดูสถานการณ์เช่นกัน ซึ่งวงการข้าวกว่า 90% มองราคาข้าวในระยะนี้เป็นขาลงหมด เพราะทุกคนไม่มั่นใจในนโยบายของรัฐบาล” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลต้องการทำข้าวถุงธงฟ้าออกมาช่วยเหลือประชาชนจริง ควรจะทำหลังจากที่ข้าวนาปรังออกสู่ตลาดหมดแล้ว หรือหลังจากเดือน มิ.ย. โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมคือตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. หรือก่อนที่ข้าวนาปี ฤดูกาลใหม่จะออกมาในช่วงเดือนต.ค. เพราะช่วงเวลาดังกล่าวในตลาดอาจเกิดปัญหาขาดแคลนข้าว หากผลผลิตของเกษตรกรไม่ดีจากภาวะภัยธรรมชาติ จึงเหมาะสมที่จะทำข้าวถุงธงฟ้าออกมา.
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการพิจารณาการจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน จะประชุมเพื่อพิจารณาถึงปริมาณข้าวถุงที่จะผลิตออกมาขายให้ประชาชน รวมถึงราคาขายที่เหมาะสม โดยยืนยันว่าราคาจะต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 20% เบื้องต้น คาดว่าจะผลิตออกมาขายได้ประมาณ 200,000 ถุง และจะนำเงินที่ได้จากการขายข้าวถุงมาซื้อข้าวใหม่นำไปเก็บในสต๊อกรัฐบาลแทน โดยวันที่ 12 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบสถาปนา 66 ปี กรมการค้าภายใน จะมีการเปิดตัว “ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน” เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะตั้งเป้าผลิตเฉพาะข้าวขาว 5% แต่หากประชาชนต้องการข้าวชนิดอื่นๆ ก็จะผลิตด้วยเช่นกัน
“ข้าวถุงธงฟ้าของรัฐบาล ไม่มีผลต่อราคาส่งออก หรือไม่มีส่วนทำให้ราคาส่งออกข้าวของไทยลดลง เพราะเป็นข้าวที่ผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ ไม่ใช่เพื่อส่งออก ดังนั้น ผู้ส่งออกที่พูดว่าข้าวถุงรัฐบาลทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยลดลงนั้น ไม่เป็นความจริง และน่าจะพูดเพื่อหวังผลทางจิตวิทยามากกว่า” นายยรรยงกล่าว
**ข้าวถุงทำราคาตกวูบ
แหล่งข่าวจากสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่าหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้นำข้าวในสต็อกกลางของรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน ออกมาทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชนขายให้กับประชาชนในราคาถูก ส่งผลให้ราคาข้าวในท้องตลาดปรับตัวลดลงกว่า 500 บาทต่อตัน โดยเฉพาะข้าวขาว เพราะตลาดมีความอ่อนไหว ซึ่งทำให้ต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อข้าว เพราะต้องรอดูว่ารัฐบาลไทยจะทยอยนำข้าวออกมามากน้อยแค่ไหน จึงต้องรอดูทิศทางกันอีกครั้ง
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าการที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดตัวข้าวธงฟ้ามหาชนนี้ คาดว่าจะส่งผลต่อพ่อค้าข้าวคนกลางซึ่งเป็นผู้ส่งออกและเป็นผู้ผลิตข้าวถุง ที่ส่งให้กับห้างโมเดิรน์เทรดจะต้องเร่งระบายข้าวที่ตุนไว้ออกมาจำหน่ายในตลาดให้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นข้าวธงฟ้าจะออกมาสู่ตลาดเช่นกัน ทำให้ปริมาณข้าวในท้องตลาดมีมากขึ้น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ามีพ่อค้าคนกลางเป็นผู้กักตุนข้าวเพื่อเก็งกำไร และไม่ส่งมอบข้าวกับห้างโมเดิร์นเทรดเพื่อจำหน่ายให้กับประชาชน แถมยังมาอ้างเรื่องเงื่อนไขการชำระเงินว่าล่าช้าทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องแต่เมื่อโมเดิร์นเทรดเขายอมปรับเงื่อนไขการชำระเงินและลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้แต่ก็ไม่สามารถส่งมอบให้ตามคำสั่งซื้อได้ จึงมีปัญหาการขาดแคลนขึ้น
“คาดว่ารัฐบาลทำข้าวธงฟ้าเพราะต้องการดัดหลังพ่อค้าที่กักตุนข้าวไว้ โดยเฉพาะพ่อค้าคนกลางที่ทำข้าวถุงขายมักอ้างว่าห้างโมเดิร์นเทรดทำการกักตุนข้าว เมื่อรัฐทำข้าวถุงออกมาขายก็ทำให้เห็นว่าราคาข้าวตกและมีปริมาณข้าวถุงในท้องตลาดเพิ่มขึ้น “แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว เปิดเผยว่ารัฐทำข้าวธงฟ้ามหาชน ต้องดูรายละเอียดว่าจะทยอยข้าวที่มีอยู่ในโกดังออกมาเพื่อระบายให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีผลกระทบต่อจิตวิทยาทางด้านตลาดบ้างเท่านั้น แต่ต้องยอมรับว่าราคาข้าวในต่างประเทศเริ่มมีการปรับตัวลดลงจากหลายปัจจัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะลูกค้าต้องรอดูท่าทีเช่นกัน เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาข้าวมีราคาสูง บางประเทศจึงต้องชะลอการซื้อไว้ก่อน
**ต่างชาติเข้าคิวซื้อข้าวไทย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า มีหลายๆ ประเทศได้มีการติดต่อขอซื้อข้าวจากไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เวียดนามและอินเดียได้ชะลอการส่งออกข้าว โดยล่าสุดไนจีเรียได้แจ้งความประสงค์จะซื้อข้าว 5 แสนตัน ติมอร์ 4.5 หมื่นตัน ศรีลังกา 5 หมื่นตัน รวมไปถึงไลบีเรียที่แจ้งว่ามีความสนใจจะนำเข้าข้าวจากไทยจากเดิมที่ซื้อจากเลบานอน ยังไม่รวมอีกหลายประเทศในแอฟริกา และตะวันออกกลาง ที่คาดว่าจะมีการซื้อในเร็วๆ นี้
“ตอนนี้ประเทศผู้ส่งออกข้าวหลายประเทศได้ชะลอการส่งออก ทำให้ไทยมีมาร์เก็ตแชร์ข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็น 45% และจนถึงขณะนี้ ไทยยังยืนยันว่าไม่มีนโยบายแทรกแซงการส่งออก และจะสนับสนุนการส่งออกข้าวอย่างเต็มที่ เพียงแต่จะดูแลให้การส่งออกทั้งปีอยู่ในระดับ 9 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับที่ผลผลิตไทยมีเพียงพอส่งออก แต่ถ้าหากต่อไปมีผลผลิตสูงขึ้น การจะส่งออกเพิ่มขึ้นก็ค่อยว่ากัน”นางอภิรดีกล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 เม.ย.2551 ไทยส่งออกข้าวแล้ว 4.07 ล้านตัน มูลค่า 1,913 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 60,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณ 3 ล้านตัน มูลค่า 1,101 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 37,434 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 74% และ 61% ตามลำดับ
**ปัดรับรองผู้ส่งออกประมูลข้าวปินส์
นางอภิรดีกล่าวว่า ส่วนการประมูลข้าวที่ฟิลิปปินส์จำนวน 5 แสนตัน ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะไม่รับรองผู้ส่งออกเพื่อให้เข้าร่วมในการประมูลตามเงื่อนไขที่รัฐบาลฟิลิปปินส์กำหนดไว้ เพราะตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ และยิ่งฟิลิปปินส์กำหนดให้รัฐบาลประเทศที่รับรองต้องรับผิดชอบเป็นอันดับหนึ่ง ไทยยิ่งทำไม่ได้ โดยตามกฎหมายรัฐบาลสามารถรับรองหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของไทย และต้องผ่านมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น จะมาใช้กับเอกชนไม่ได้
“ก็คงต้องปล่อยไป กรมฯ คงไม่ไปประมูลข้าวเอง แล้วนำมาจัดสรรให้กับเอกชน ในสถานการณ์แบบนี้ ทีโออาร์ที่ออกมาแบบนี้ มันปิดไทยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง หากไทยไม่ได้ประมูลข้าวฟิลิปปินส์ ไทยก็ยังมีประเทศอื่นๆ ที่รอซื้อข้าวไทยอยู่ และยิ่งมีผู้เสนอประมูลน้อยราย ถ้าไปตั้งราคาสูงเกินไป ฟิลิปปินส์คงไม่รับ ที่สำคัญ เวียดนามเอง คงเสนอไม่ได้เต็มจำนวนที่ฟิลิปปินส์ต้องการ ดังนั้น คิดว่าไทยคงมีโอกาสในรอบต่อไป” นางอภิรดีกล่าว
**โรงสีอัด "มิ่ง" ทุบราคาข้าว
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการโรงสีข้าว กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกและข้าวสารในประเทศได้ปรับราคาลงมา หลังจากที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ออกมาประกาศว่าจะนำข้าวในสต๊อกรัฐบาล 2.1 ล้านตัน มาทำข้าวถุงธงฟ้าอีกรอบ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ รมว.พาณิชย์ เคยยืนยันจะไม่ทำข้าวถุง เพราะว่าปริมาณข้าวไม่ขาดแคลน ส่งผลให้ตลาดข้าวขณะนี้เกิดความปั่นป่วน เพราะไม่แน่ใจในนโยบายของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้ส่งออกข้าวชะลอการซื้อข้าวในตลาด เพราะรอดูสถานการณ์ด้านราคาที่คาดว่าราคาข้าวจะตกต่ำลง
“ช่วง 2-3 วันนี้ ราคาข้าวในตลาดปั่นป่วนอย่างหนัก จากการเก็งกันว่าราคาข้าวในตลาดจะลดลง จะการทำข้าวถุงของรัฐประกอบกับข้าวนาปรังที่ออกมาในระยะนี้จำนวนมาก ส่งผลให้ข้าวเปลือกหอมมะลิหยุดการซื้อขายในตลาด หลังจากที่ราคาข้าวสารหอมมะลิร่วงลงมากระสอบละ 500 บาท ข้าวขาวร่วงลงมา 300 บาท เช่นกัน ขณะที่ตลาดผู้นำเข้าก็หยุดรอดูสถานการณ์เช่นกัน ซึ่งวงการข้าวกว่า 90% มองราคาข้าวในระยะนี้เป็นขาลงหมด เพราะทุกคนไม่มั่นใจในนโยบายของรัฐบาล” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลต้องการทำข้าวถุงธงฟ้าออกมาช่วยเหลือประชาชนจริง ควรจะทำหลังจากที่ข้าวนาปรังออกสู่ตลาดหมดแล้ว หรือหลังจากเดือน มิ.ย. โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมคือตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. หรือก่อนที่ข้าวนาปี ฤดูกาลใหม่จะออกมาในช่วงเดือนต.ค. เพราะช่วงเวลาดังกล่าวในตลาดอาจเกิดปัญหาขาดแคลนข้าว หากผลผลิตของเกษตรกรไม่ดีจากภาวะภัยธรรมชาติ จึงเหมาะสมที่จะทำข้าวถุงธงฟ้าออกมา.
