รมว.พาณิชย์ เผย ส่งออกปี 50 โตได้ถึง 17.5% เกินเป้าที่ตั้งไว้ คาดทั้งปี 51 โตได้ 10-12.5%
วันนี้ (21 ม.ค.) นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มั่นใจว่า การส่งออกในปี 2551 น่าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 10.0-12.5% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 165,000-169,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากในปี 2550 การส่งออกของไทยสามารถขยายตัวได้ถึง 17.5% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที 12.5%
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศทั้งปี 2550 ในวันนี้ ว่า การส่งออกมีมูลค่าประมาณ 152,477 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 17.5% การนำเข้ามีมูลค่า 140,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 8.7% ทำให้เกินดุลการค้า 12,467 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค.2550 การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 19% จาก ธ.ค.2549 โดยมีมูลค่า 13,266 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 12,041 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 8.8% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การส่งออกสินค้าสำคัญในเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นทุกหมวด สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 16.5% โดยสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, สินค้าอาหารแปรรูป และน้ำตาล เป็นต้น ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 17.7% เช่น ยานยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง, สิ่งพิมพ์ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนสินค้าหมวดอื่นๆ เพิ่มขึ้น 17.8% เช่น เคมีภัณฑ์, ทองแดง และเลนส์
นายเกริกไกร กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกสำคัญที่จะสนับสนุนการส่งออกในปีนี้ ได้แก่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.8% และการค้าโลกขยายตัว 6.7%, ราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขยายตลาดใหม่
นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับเสถียรภาพค่าเงินบาท และราคาน้ำมันที่ไม่สูงมากนัก ตลอดจนมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี ซึ่งภาครัฐและเอกชนจะต้องประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่แนวโน้มการนำเข้านั้น น่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากผลของการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2550 รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้น, สถานการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น รวมทั้งการวางแผนเพื่อการผลิตในปี 2551 เพื่อรองรับการผลิตและการส่งออกที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการนำเข้าสินค้าในกลุ่มทุน เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์, สินค้ากลุ่มวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
วันนี้ (21 ม.ค.) นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มั่นใจว่า การส่งออกในปี 2551 น่าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 10.0-12.5% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 165,000-169,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากในปี 2550 การส่งออกของไทยสามารถขยายตัวได้ถึง 17.5% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที 12.5%
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศทั้งปี 2550 ในวันนี้ ว่า การส่งออกมีมูลค่าประมาณ 152,477 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 17.5% การนำเข้ามีมูลค่า 140,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 8.7% ทำให้เกินดุลการค้า 12,467 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค.2550 การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 19% จาก ธ.ค.2549 โดยมีมูลค่า 13,266 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 12,041 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 8.8% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การส่งออกสินค้าสำคัญในเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นทุกหมวด สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 16.5% โดยสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, สินค้าอาหารแปรรูป และน้ำตาล เป็นต้น ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 17.7% เช่น ยานยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง, สิ่งพิมพ์ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนสินค้าหมวดอื่นๆ เพิ่มขึ้น 17.8% เช่น เคมีภัณฑ์, ทองแดง และเลนส์
นายเกริกไกร กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกสำคัญที่จะสนับสนุนการส่งออกในปีนี้ ได้แก่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.8% และการค้าโลกขยายตัว 6.7%, ราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขยายตลาดใหม่
นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับเสถียรภาพค่าเงินบาท และราคาน้ำมันที่ไม่สูงมากนัก ตลอดจนมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี ซึ่งภาครัฐและเอกชนจะต้องประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่แนวโน้มการนำเข้านั้น น่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากผลของการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2550 รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้น, สถานการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น รวมทั้งการวางแผนเพื่อการผลิตในปี 2551 เพื่อรองรับการผลิตและการส่งออกที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการนำเข้าสินค้าในกลุ่มทุน เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์, สินค้ากลุ่มวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
