กลุ่ม CPF เผยปี 51 ใช้งบการตลาด 100 ล้านบาท พร้อมเร่งขยายสาขา “ซีพีเฟรชมารท” 350 สาขาทั่วประเทศ พร้อมประกาศตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค หลังค่าครองชีพพุ่ง
วันนี้ (10 ม.ค.) นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวถึงแผนงานในปี 2551 ระบุว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนด้านการตลาดไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดครบวงจรกระตุ้นยอดขาย โดยจะยังคงรุกธุรกิจอาหารภายใต้แบรนด์ซีพี ทั้งอาหารสดและอาหารแปรรูปจากผลิตภัณฑ์ทีเกี่ยวเนื่อง ทั้งไข่ไก่ เนื้อไก่สด เนื้อหมู และกุ้ง
นายสุพัฒน์ กล่าวว่า CPF จะพยายามออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกิดจากการแปรรูปสินค้าเหล่านี้ ล่าสุด จะขยายไปยังผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องดื่ม โดยจะนำไข่ขาวมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยคาดว่าจะทำการตลาดไม่เกินกลางปีนี้
นายสุพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มไก่และไข่ 50% เนื้อหมู 30% และกุ้ง 20% และในปีนี้บริษัทจะพยายามรุกช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดให้มากขึ้นเป็น 30% จาก 20% ในปี 2550 โดยเฉพาะไข่ไก่สดที่ทำโฆษณาออกมาโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยขยายตลาดตรงนี้
ทั้งนี้ CPF มีมาร์เก็ตแชร์ไข่ไก่ในไทย 25% โดยคาดว่า ในปี 2551 จะเพิ่มได้อีก 2% แต่ก็ต้องอาศัยตลาดรวมที่เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้ คาดว่า ประชาชนจะบริโภคไข่ไก่เพิ่มเป็น 200 ฟอง/วัน จากปีที่แล้วที่บริโภคเพียง 160 ฟอง/วัน
นอกจากนี้ บริษัทยังทำตลาดต่างประเทศ โดยขยายตลาดไข่ไก่ที่ฮ่องกง และขยายตลาดสินค้าหมู ไก่ กุ้ง และไข่ ด้วยการไปส่งจำหน่ายยัง สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย สหรัฐฯ และยุโรปด้วย
สำหรับการขยายสาขาร้าน “ซีพี เฟรช มาร์ท” ในปีนี้ นายสุพัฒน์ คาดว่า ในปีนี้น่าจะขยายสาขาเพิ่มได้อีกกว่า 100 สาขาจากสิ้นปี 50 มีสาขาทั้งสิ้น 350 สาขา และภายใน 3 ปีจะให้เพิ่มไปสู่เป้าหมาย 1 พันสาขา โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเริ่มปรับขึ้นราคาสินค้า โดยเฉพาะไข่ไก่ แต่ทางบริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาขึ้นตามโดยจะพยายามตรึงราคาให้นานที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมา สินค้าอื่นๆ ได้ปรับขึ้นราคาไปมากแล้วส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอยู่แล้ว ขณะที่ CPF พยายามที่จะบริหารต้นทุนเพื่อคงราคาสินค้าไว้ได้นานที่สุด
