ค่าไฟฟ้างวดหน้าเดือน ก.พ.-พ.ค.2551 เตรียมปรับขึ้นหน่วยละ 4-5 สตางค์ต่อหน่วย เหตุพิษราคาน้ำมันพุ่งกระทบต้นทุนเชื้อเพลิง ด้านผู้ว่าการ กฟผ.ระบุ ราชบุรีโฮลดิ้ง มีสิทธิเข้าประมูลไอพีพีรอบหน้าได้ หลังจากไม่เข้าข่ายเป็นรัฐวิสาหกิจ
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการกำกับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบใหม่ (เดือน ก.พ.-พ.ค.2551) อาจปรับเพิ่มขึ้น 4-5 สตางค์ต่อหน่วย ตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันได้ปรับสูงขึ้นตามลำดับ และสะท้อนไปในราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ได้ปรับขึ้นจากระดับ 195 บาทต่อล้านบีทียู ขึ้นมาอยู่ระดับ 202 บาทต่อล้านบีทียู
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวยอมรับว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่องจะทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ กฟผ.ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟถึง 70% ปรับตัวสูงตามไปด้วย
สำหรับการคำนวณค่าเอฟทีจะใช้ตัวเลขราคาก๊าซย้อนหลัง 6 เดือน และมองแนวโน้มในอนาคต รวมทั้งปัจจัยค่าเงินบาทที่อาจทำให้ค่าเอฟทีปรับขึ้นไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเรื่องค่าไฟฟ้าจะอนุมัติปรับขึ้นลงเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการเอฟที จึงระบุไม่ได้ว่าค่าเอฟทีงวดใหม่จะเป็นเท่าใด
“ตอนนี้ กฟผ.ต้องหาวิธีลดผลกระทบค่าไฟที่อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเลือกการผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำก่อน โดยเบื้องต้นได้สั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ เช่น โรงไฟฟ้าแม่เมาะ วังน้อย พระนครใต้ ไอพีพี เป็นต้น ส่วนกรณีของโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้บำรุงรักษาเพื่อพร้อมเดินเครื่องเต็มที่ ซึ่งคาดปีนี้จะผลิตไฟฟ้าได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือ 1.8 หมื่นล้านหน่วย” นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวถึงกรณี บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ที่ติดเงื่อนไขการเป็นรัฐวิสาหกิจจนไม่ผ่านคุณสมบัติผู้เข้าประมูลผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) นั้น ขณะนี้ได้รับแจ้งว่าผู้ถือหุ้นที่เป็นธนาคารออมสินและสำนักงานประกันสังคมได้ปรับสถานะไปเป็นนิติบุคคล ทำให้บริษัท ราชบุรีฯ ไม่เข้าข่ายเป็นรัฐวิสาหกิจ
อย่างไรก็ตาม จะทำให้ กฟผ.สามารถถือหุ้นอยู่ 45%ได้ โดยไม่ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลง ขณะเดียวกัน ถ้ามีการเปิดประมูลไอพีพี รอบต่อไป บริษัท ราชบุรีฯ ก็มีสิทธิเข้าประมูลได้
รายงานข่าวจาก กฟผ.แจ้งว่า ยอดการใช้ไฟฟ้าในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ประชาชนใช้ไฟฟ้าลดลงถึง 44.3% เป็นผลมาจากสถานที่ราชการ กิจการต่างๆ หยุดยาว 4 วัน และอุณหภูมิที่ลดลงถึง 5 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ เฉพาะวันที่ 1 ม.ค.2551 มีการใช้ไฟฟ้าประมาณ 240 ล้านหน่วย เทียบกับการใช้ไฟฟ้าในวันทำการปกติประมาณ 430 ล้านหน่วย ซึ่งลดลงจากวันทำการปกติถึง 190 ล้านหน่วย
อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมา พบว่า การใช้ไฟฟ้าของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่จะลดลงมากกว่าปกติทุกๆ ปี เนื่องจากสภาพอุณหภูมิที่ลดต่ำลง และการหยุดทำการของสถานที่ราชการ บริษัท ห้างร้าน
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการกำกับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบใหม่ (เดือน ก.พ.-พ.ค.2551) อาจปรับเพิ่มขึ้น 4-5 สตางค์ต่อหน่วย ตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันได้ปรับสูงขึ้นตามลำดับ และสะท้อนไปในราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ได้ปรับขึ้นจากระดับ 195 บาทต่อล้านบีทียู ขึ้นมาอยู่ระดับ 202 บาทต่อล้านบีทียู
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวยอมรับว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่องจะทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ กฟผ.ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟถึง 70% ปรับตัวสูงตามไปด้วย
สำหรับการคำนวณค่าเอฟทีจะใช้ตัวเลขราคาก๊าซย้อนหลัง 6 เดือน และมองแนวโน้มในอนาคต รวมทั้งปัจจัยค่าเงินบาทที่อาจทำให้ค่าเอฟทีปรับขึ้นไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเรื่องค่าไฟฟ้าจะอนุมัติปรับขึ้นลงเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการเอฟที จึงระบุไม่ได้ว่าค่าเอฟทีงวดใหม่จะเป็นเท่าใด
“ตอนนี้ กฟผ.ต้องหาวิธีลดผลกระทบค่าไฟที่อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเลือกการผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำก่อน โดยเบื้องต้นได้สั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ เช่น โรงไฟฟ้าแม่เมาะ วังน้อย พระนครใต้ ไอพีพี เป็นต้น ส่วนกรณีของโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้บำรุงรักษาเพื่อพร้อมเดินเครื่องเต็มที่ ซึ่งคาดปีนี้จะผลิตไฟฟ้าได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือ 1.8 หมื่นล้านหน่วย” นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวถึงกรณี บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ที่ติดเงื่อนไขการเป็นรัฐวิสาหกิจจนไม่ผ่านคุณสมบัติผู้เข้าประมูลผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) นั้น ขณะนี้ได้รับแจ้งว่าผู้ถือหุ้นที่เป็นธนาคารออมสินและสำนักงานประกันสังคมได้ปรับสถานะไปเป็นนิติบุคคล ทำให้บริษัท ราชบุรีฯ ไม่เข้าข่ายเป็นรัฐวิสาหกิจ
อย่างไรก็ตาม จะทำให้ กฟผ.สามารถถือหุ้นอยู่ 45%ได้ โดยไม่ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลง ขณะเดียวกัน ถ้ามีการเปิดประมูลไอพีพี รอบต่อไป บริษัท ราชบุรีฯ ก็มีสิทธิเข้าประมูลได้
รายงานข่าวจาก กฟผ.แจ้งว่า ยอดการใช้ไฟฟ้าในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ประชาชนใช้ไฟฟ้าลดลงถึง 44.3% เป็นผลมาจากสถานที่ราชการ กิจการต่างๆ หยุดยาว 4 วัน และอุณหภูมิที่ลดลงถึง 5 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ เฉพาะวันที่ 1 ม.ค.2551 มีการใช้ไฟฟ้าประมาณ 240 ล้านหน่วย เทียบกับการใช้ไฟฟ้าในวันทำการปกติประมาณ 430 ล้านหน่วย ซึ่งลดลงจากวันทำการปกติถึง 190 ล้านหน่วย
อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมา พบว่า การใช้ไฟฟ้าของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่จะลดลงมากกว่าปกติทุกๆ ปี เนื่องจากสภาพอุณหภูมิที่ลดต่ำลง และการหยุดทำการของสถานที่ราชการ บริษัท ห้างร้าน
