ผู้จัดการรายวัน- รมว.พลังงานคนใหม่ฟิตถกตัวเลขค่าไฟลดลงได้อีก 3 สตางค์ต่อหน่วยจากเดิมที่คาดว่าจะขึ้น 5.28 สตางค์ต่อหน่วยทำให้ค่าเอฟทีงวดก.พ.-พ.ค.แนวโน้มขยับอย่างน้อย 2 สตางค์ต่อหน่วยจับตาคณะอนุกรรมการเคาะประกาศวันนี้
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายณอคุณ สิทธิพงษ์ ประธานอนุกรมการกำกับดูอัตราค่าไฟฟ้าและบริการ ว่า จากการหารือมีแนวโน้มว่าค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ เอฟทีงวดก.พ. – พ.ค. 51 จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.28 สตางค์ต่อหน่วยจะลดต่ำกว่าระดับดังกล่าวเนื่องจากค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นจาก 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่าทุก 1 บาทจะมีผลให้ค่าเอฟทีลดลง 3 สตางค์ต่อหน่วย
“ ถือว่ามีทิศทางที่ดีนอกเหนือจากค่าเงินบาทแข็งที่มาช่วย แต่ยังพบว่าช่วงหน้าร้อน ฝนตกน้อยความต้องการน้ำของเกษตรกรจะเพิ่มสูงขึ้นทางผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะไปประสานงานกับกรมชลประทานว่ามีแผนปล่อยน้ำเพิ่มมากน้อยเพียงใดซึ่งเมื่อปล่อยน้ำเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากน้ำจะเพิ่มขึ้นและยิ่งทำให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าลดลงไปด้วย”รมว.พลังงานกล่าว
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ไปพิจารณาเร่งเรื่องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากแหล่งเจดีเอและแหล่งอาทิตย์โดยหากใช้ก๊าซฯเพิ่มก็จะลดการใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้าต้นทุนก็จะถูกไปด้วย ดังนั้นภาพรวมค่าไฟคงจะปรับขึ้นเพิ่มแต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งก็จะสามารถช่วยบรรเทาภาระประชาชนได้ส่วนหนึ่งและยืนยันว่าการเข้ามาดูแลค่าไฟครั้งนี้จะไม่สร้างภาระเพิ่มให้กับบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)และกฟผ.แต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้มีนโยบายจะไปตรึงราคาก๊าซธรรมชาติ แต่ราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มเป็นเรื่องที่จะต้องเข้ามาดูโครงสร้างราคาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่รมว.พลังงานได้ข้อสรุปเกี่ยวกับค่าเอฟทีแล้วได้มอบหมายให้นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงานในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเอฟทีประชุมพิจารณาเพื่อประกาศเอฟทีงวดใหม่ทันทีเช่นเดิมในวันนี้(13ก.พ.) เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)พิมพ์บิลค่าไฟได้ทัน โดยมีแนวโน้มว่า เอฟทีอาจจะปรับเพิ่มประมาณ 2 สตางค์/หน่วย
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายณอคุณ สิทธิพงษ์ ประธานอนุกรมการกำกับดูอัตราค่าไฟฟ้าและบริการ ว่า จากการหารือมีแนวโน้มว่าค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ เอฟทีงวดก.พ. – พ.ค. 51 จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.28 สตางค์ต่อหน่วยจะลดต่ำกว่าระดับดังกล่าวเนื่องจากค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นจาก 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่าทุก 1 บาทจะมีผลให้ค่าเอฟทีลดลง 3 สตางค์ต่อหน่วย
“ ถือว่ามีทิศทางที่ดีนอกเหนือจากค่าเงินบาทแข็งที่มาช่วย แต่ยังพบว่าช่วงหน้าร้อน ฝนตกน้อยความต้องการน้ำของเกษตรกรจะเพิ่มสูงขึ้นทางผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะไปประสานงานกับกรมชลประทานว่ามีแผนปล่อยน้ำเพิ่มมากน้อยเพียงใดซึ่งเมื่อปล่อยน้ำเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากน้ำจะเพิ่มขึ้นและยิ่งทำให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าลดลงไปด้วย”รมว.พลังงานกล่าว
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ไปพิจารณาเร่งเรื่องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากแหล่งเจดีเอและแหล่งอาทิตย์โดยหากใช้ก๊าซฯเพิ่มก็จะลดการใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้าต้นทุนก็จะถูกไปด้วย ดังนั้นภาพรวมค่าไฟคงจะปรับขึ้นเพิ่มแต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งก็จะสามารถช่วยบรรเทาภาระประชาชนได้ส่วนหนึ่งและยืนยันว่าการเข้ามาดูแลค่าไฟครั้งนี้จะไม่สร้างภาระเพิ่มให้กับบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)และกฟผ.แต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้มีนโยบายจะไปตรึงราคาก๊าซธรรมชาติ แต่ราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มเป็นเรื่องที่จะต้องเข้ามาดูโครงสร้างราคาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่รมว.พลังงานได้ข้อสรุปเกี่ยวกับค่าเอฟทีแล้วได้มอบหมายให้นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงานในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเอฟทีประชุมพิจารณาเพื่อประกาศเอฟทีงวดใหม่ทันทีเช่นเดิมในวันนี้(13ก.พ.) เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)พิมพ์บิลค่าไฟได้ทัน โดยมีแนวโน้มว่า เอฟทีอาจจะปรับเพิ่มประมาณ 2 สตางค์/หน่วย
