จับตาบอร์ด "เรกูเลเตอร์" เคาะค่าไฟฟ้าเอฟที งวดเดือน "ก.พ.-พ.ค." วันนี้ หลัง พ.ร.บ.ใหม่ เปิดช่องให้ทบทวนตัวเลขได้ หากไม่เหมาะสม หรือมีการเมืองเข้าแทรก จับตาตัวเลขใบสั่งเมียสุวัจน์ 2.75 สต./หน่วย จะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่
วันนี้(20 ก.พ.) นายนภดล มัณฑะจิตร คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า บอรด์เรกูเลเตอร์เตรียมประชุมเพื่อพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) รอบเดือน ก.พ.-พ.ค. 2551 ในวันนี้ เพื่อให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน ซึ่งบอร์ดจะต้องเป็นผู้อนุมัติค่าเอฟทีก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แม้จะมีการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการกำกับค่าเอฟที ที่กำหนดให้ปรับขึ้น 2.75 สต./หน่วย มาแล้ว แต่ก็เป็นเพียงคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเท่านั้น
นายนภดล ระบุว่า เรกูเลเตอร์ต้องการให้การประกาศค่าเอฟทีมีความโปร่งใสและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง จึงได้เปิดให้รับฟังข้อคิดเห็นผ่านเว็บไซต์สำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ(สนพ.) วันที่ 15-19 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ดำเนินการลักษณะนี้
"ค่าเอฟทีที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าไฟฟ้าและบริการพิจารณาปรับขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้คงต้องพิจารณารายละเอียดก่อน โดยถือเป็นครั้งแรกที่เปิดประชาพิจารณาค่าเอฟที ซึ่งเป็นไปตามมาตรการ 67 ของพ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงานที่ประกาศใช้ 9 ธ.ค.50 หากเรกกูเลเตอร์รับฟังประชาความเห็นจากประชาชนแล้ว และไม่เห็นด้วยกับอัตราค่าเอฟทีสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอำนาจในมาตรการ 68"
อย่างไรก็ตาม ตามปกติการประกาศขึ้นค่าเอฟทีจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงกลางเดือน ก.พ. เพื่อให้เวลากับการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ไปจัดพิมพ์บิลค่าไฟฟ้า เมื่อการประกาศค่าเอฟทีล่าช้าจากเดิม 5 วัน โดยทางหน่วนงาน กฟภ.มีความกังวลว่าบิลค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บกับประชาชนงวดสิ้นเดือน ก.พ.นี้ อาจล่าช้าประมาณ 5 วัน จากเดิมจะต้องพิมพ์บิลในช่วงวันที่ 19 ก.พ. ต้องเปลี่ยนไปเป็นวันที่ 23 ก.พ.
รายงานข่าวจากกฟภ. แจ้งว่า การเก็บเงินค่าไฟฟ้าจากประชาชนต้องเลื่อนออกไปจากเดิม 5 วัน ตรงนี้จะกระทบต่อการส่งรายได้กฟภ.ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) ที่ต้องล่าช้าออกไปจากกำหนด ซึ่งหากกฟภ.จ่ายช้าจะต้องเสียค่าปรับในอัตรา 2% ดังนั้นจึงอยากให้กฟผ. กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาถึงตรงนี้ด้วย
แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) กล่าวว่า การพิจารณาค่าไฟที่ล่าช้า ทำให้บิลค่าไฟที่จะเรียกเก็บกับประชาชนเลื่อนออกไป 5 วัน เป็นวันที่ 23 ก.พ. นี้ ซึ่ง กฟผ.ได้ เลื่อนกำหนดค่าปรับ หรือดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระออกไปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มอบนโยบายแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยการให้ปรับลดค่าเอฟที งวดเดือน ก.พ.- พ.ค.นี้ ลงอีก 3 สต./หน่วย จากเดิมที่จะปรับขึ้น 5.28 สต./หน่วย เปลี่ยนมาเป็นปรับขึ้นเพียง 2.75 สต./หน่วย หรือเท่ากับว่าค่าไฟฟ้าตามบ้านเรือนที่ประชาชนจะต้องจ่ายตก 3.05 บาท/หน่วย เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
รมว.พลังงาน ระบุว่า ทุก 1 บาทที่แข็งค่า จะมีผลต่อค่าเอฟทีเพียง 3 สต./หน่วย ขณะเดียวกันเนื่องจากเป็นช่วงหน้าร้อน ฝนตกน้อย ความต้องการน้ำของเกษตรกรจะสูงขึ้น ทางผู้ว่าการ กฟผ.จะไปประสานงานกับกรมชลประทานว่า มีแผนปล่อยน้ำเพิ่มมากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อปล่อยน้ำเพิ่ม การผลิตไฟฟ้าจากน้ำจะเพิ่มขึ้นและยิ่งทำให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าลดลงไปด้วย