เมื่อเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระบุว่า "พี่น้องประชาชนที่รักยิ่งทุกท่านครับ ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ขอรายงานความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินของศูนย์ฯ ดังต่อไปนี้
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
นับว่าสำคัญที่สุดต่อสุขภาพของพวกเราทุกคน โดยเน้นมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือที่เรียกว่า Social Distancing และรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ รวมทั้งปฏิบัติตนตามคำแนะนำของหมอ
สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับความเร่งด่วนในการสนับสนุนหน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างทันการณ์และทั่วถึง ในโรงพยาบาลทุกพื้นที่
ผมถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เราต้องมีระบบการกระจายที่มีประสิทธิภาพ ขาดแคลนไม่ได้ ซึ่งผมจะติดตามด้วยตัวเอง เพื่อให้ทีมหมอและพยาบาลที่เปรียบเสมือนนักรบที่อยู่แนวหน้า ได้คอยต่อสู้และสกัดกั้นข้าศึกที่มองไม่เห็น ด้วยความเสียสละและอดทน ผมในฐานะแม่ทัพ จะไม่ยอมให้กำลังหลักของเราต้องต่อสู้ภายใต้ความขาดแคลน ไม่ได้อย่างเด็ดขาด และต้องมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็งอยู่เสมอ เพื่อที่จะมีพลังเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ผมขอยืนยันว่าเรามียาที่จำเป็นในการรักษาอย่างเพียงพอ และมีแผนในการจัดหาเพิ่มเติมจากต่างประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่อาจจะลุกลามขึ้นได้ในอนาคต
นอกจากนั้น เรายังมีความพร้อมในเรื่องของเตียงสำหรับผู้ป่วย โดยเราสามารถเพิ่มศักยภาพจากโรงพยาบาลทุกสังกัด หอพัก และโรงแรม ให้พร้อมรองรับผู้ป่วยที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น
ขอให้เชื่อมั่นว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทุกคนจะมีเตียงและยาในการดูแลรักษาอาการป่วยตามมาตรฐานสากลทุกประการ
นอกจากนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคนี้ รัฐบาลถือว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ดังนั้น จะมีอยู่ 3 กองทุน ก็คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนรักษาพยาบาลประกันสังคม และกองทุนรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการ มารับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้
ส่วนด้านการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการรักษาความมั่นคง เรายึดหลักสุขภาพนำเสรีภาพ โดยมีเป้าหมายสำคัญก็คือ จำกัดการเดินทาง การเคลื่อนย้ายคน และจำกัดการรวมตัวกันของคนจำนวนมากในพื้นที่เสี่ยง การแพร่ระบาดต่างๆ โดยแต่ละพื้นที่จะต้องออกมาตรการที่เข้มงวด สอดคล้องตามสถานการณ์และคำแนะนำทางการแพทย์
ปัจจุบันบางจังหวัดได้ยกระดับมาตรการทางการปกครอง เช่น การกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้านค้าและเวลาออกมาจากบ้านเพิ่มเติมไปแล้ว เพื่อจะจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้ ได้แก่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งจะต้องเอาจริงเอาจังเราอาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบายเช่นปกติบ้าง แต่เราทุกคนต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เราจึงจะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดและลดการสัญจรของพี่น้องประชาชน ผมจะประกาศข้อกำหนด ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน หรือที่เรียกว่าเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม ถึงตี 4 ทั่วราชอาณาจักร โดยเว้นผู้ที่มีเหตุจำเป็น หรือผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าที่จำเป็นเพื่ออุปโภคบริโภค ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ เชื้อเพลิง รวมถึงการเดินทางของประชาชน เพื่อเข้าและออกเวรทำงาน หรือการเดินทางมาและไปท่าอากาศยาน
ทั้งนี้ ให้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่นั้นๆ โดยจะเริ่มปฏิบัติในวันศุกร์ที่ 3 เมษายน เวลา 4 ทุ่ม ซึ่งต้องขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกและไม่ต้องกักตุนสินค้า เพราะท่านยังสามารถออกมาซื้อข้าวของในเวลากลางวันได้ตามปกติ แต่ต้องเคร่งครัดในเรื่องระยะห่างทางสังคมด้วย
ด้านการควบคุมสินค้า
ผมได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์สำหรับประชาชน และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสินค้า โดยขอย้ำว่า ผมจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดกักตุนหรือฉวยโอกาส หรือแสวงหาผลประโยชน์ ซ้ำเติมความทุกข์ยากของคนไทยด้วยกันในยามนี้
ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนหาต้นตอของปัญหาตลอดสายการผลิต ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง โดยสามารถจับกุมและเอาผิดผู้กระทำความผิดไปแล้วหลายราย ซึ่งจะต้องรับโทษอย่างรุนแรง ทั้งนี้ การกักตุนสินค้ามีอัตราโทษสูง จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนพบเห็น สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ. 1135
สำหรับด้านการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น สำหรับประชาชนทุกกลุ่ม และผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ อาทิ เงินช่วยเหลือ 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน สำหรับลูกจ้างรายวัน อาชีพอิสระ แรงงานนอกระบบ 9 ล้านคน การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าและการใช้น้ำ รวมทั้งลดค่าน้ำ ค่าไฟ 3 เดือน สำหรับทุกครัวเรือน ซึ่งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ เรายังมีการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย เงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ขยายเวลาชำระตั๋วจำนำ และลดอัตราขั้นต่ำการจ่ายหนี้บัตรเครดิต สำหรับประชาชนทั่วไป รวมทั้งแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมด้วย ที่ลดการจ่ายเงินสมทบเหลือ 1 เปอร์เซ็นต์ และขยายเวลาให้อีก 3 เดือน ส่วนผู้ประกอบการและเอสเอ็มอี รัฐบาลก็จะช่วยคืนสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่าย บริหารหนี้เดิมไม่ให้เป็น NPL ด้วยมาตรการด้านภาษี และด้านการเงินอีกหลายมาตรการ เพื่อทำให้ทุกคน ทุกฝ่าย มั่นใจได้ว่าเราไม่ทิ้งกัน
ด้านการต่างประเทศ
ศบค.ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อดำเนินมาตรการการเดินทางเข้า-ออกประเทศ และในการดูแลคนไทยในต่างประเทศด้วย โดยมีการยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติมเข้ามาอีก
นับตั้งแต่ที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้ว มีเพียงชาวต่างชาติที่ได้รับการยกเว้นตามข้อกำหนด เช่น คณะทูต หรือผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย หรือลูกเรือ เท่านั้น ที่เดินทางเข้ามาได้ สำหรับคนไทยในต่างแดนเราก็จะไม่ทอดทิ้งกัน ลูกหลาน ญาติพี่น้องของเราเหล่านั้น เราจะได้หาทางแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดในโลก จะได้รับการดูแล หากต้องการกลับเมืองไทย ก็จะต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง การกักตัว และการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ต้องขอความร่วมมือให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 เมษายน เพื่อรักษาสุขภาพ ทั้งคนไทยในประเทศและท่านที่จะเดินทางกลับมาด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีการเตรียมการ มีการจัดระเบียบให้เหมาะสม และหากมีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ขอให้ท่านไปพบเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือสถานกงสุลโดยทันที
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ด้านการสื่อสารในสภาวะวิกฤต เพื่อจะให้ประชาชนมีความมั่นใจ และผู้ปฏิบัติมีความชัดเจน ไม่สับสน หรือสร้างความขัดแย้ง ศบค. จึงจัดให้มีระบบการสื่อสารที่เป็นเอกภาพ ไปในทิศทางเดียวกัน หรือ Single Voice โดยจะมีการแถลงข่าวที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ในทุกช่องทาง เป็นประจำ ทุกวัน หลังจากการประชุมในช่วงเช้า โดยโฆษกศูนย์ฯ และผู้รับผิดชอบโดยตรงเท่านั้น งดเว้นและหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์ของผู้ที่ไม่ได้รับมอบหมายหรือเกี่ยวข้องกับมาตรการต่างๆ ของศูนย์ฯ
ผมขอให้สื่อมวลชนทุกสำนัก รวมทั้งสื่อโซเชียล ได้ใช้ความระมัดระวังในการสื่อสาร โดยขอให้ใช้ข้อมูลจากศูนย์ฯ นี้เท่านั้น ห้ามการสื่อสารที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด หรือบิดเบือนข้อมูล รวมถึงผู้ที่สร้างข่าวปลอม หรือ Fake News และการส่งต่อข่าวปลอม ทั้งที่ไม่เจตนา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่มีผลต่อความมั่นคง ก็จะมีโทษตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้อย่างหนัก ดังนั้น เราจะต้องงดการส่งต่อข้อมูลที่ไม่ทราบแหล่งที่มา หรือไม่มั่นใจ เราควรส่งต่อข้อมูลที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ อาทิ ตัวอย่างการปฏิบัติตนตามนโยบายของภาครัฐ กิจกรรมจิตอาสา เหล่านี้เป็นต้น
ความประทับใจท่ามกลางวิกฤตนี้ ผมและรัฐบาลได้ระดมผู้มีความสามารถ คนเก่ง จิตอาสา จากวงการต่างๆ ทั้งด้านการสาธารณสุข เทคโนโลยี การสื่อสาร และธุรกิจอื่นๆ มาร่วมหารือเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน ผมขอขอบคุณจิตอาสาทุกนายที่ไม่ยอมนิ่งดูดาย ได้รวมพลังความรัก ความสามัคคี ร่วมกันทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันบริจาคเงิน สิ่งของ อาหาร หรือการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หลายคนเริ่มจากสิ่งง่ายๆ เช่น การเขียนข้อความ อัดคลิป หรือทำป้ายให้กำลังใจซึ่งกันและกัน น้ำใจไทยนั่นล่ะครับเป็นสิ่งสำคัญ จะช่วยให้ประเทศไทยของเรารอดพ้นจากภาวะวิกฤตนี้ไปได้
ผลการดำเนินงานตามมาตรการต่างๆ ข้างต้นอย่างเคร่งครัด จะทำให้สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในระดับที่ยังสามารถควบคุมได้ จำกัดการแพร่ระบาดของโรคได้ ไม่ถึงระดับของประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ทั้งนี้ เป้าหมายร่วมกันของเราก็คือการกำจัดโรคภัยและเชื้อร้ายนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด และทุกคนปลอดภัย ดังนั้น เราจะต้องไม่ประมาท เราจะต้องร่วมมือกัน เราจะต้องไม่ปล่อยให้มีผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทุกท่านที่จะทำให้ตัวเลขลดลงจนเป็นศูนย์ให้ได้ในเร็ววัน เราจะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างไม่ลดละ ต้องมีการบังคับใช้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด ต่อเนื่อง และเหมาะสม โดยจำเป็นก็จะต้องยกระดับในบางพื้นที่ ตามเหตุผลทางการแพทย์
ผมขอย้ำว่า ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมมือปฏิบัติตนตามมาตรการในเรื่องของการแยกตัวอยู่บ้าน เพื่อลดภาระของทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เสียสละต่อสู้กันมานานหลายเดือน หากเรามีแนวหน้าที่เข้มแข็ง และมีแนวหลังที่เข้มงวด ประเทศไทยก็จะชนะศึกครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ ผมขอแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนและทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านทั่วประเทศ ที่อดทน เสียสละ ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการดูแล ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยความเสี่ยงภัยและความยากลำบาก ขอให้ท่านรับรู้ว่า ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจ ทหาร เป็นบุคคลสำคัญในใจผมและคนไทยทุกคน ผมขอให้ทุกคนมั่นใจว่า ผมจะทำทุกทางเพื่อจะนำประเทศของเราก้าวข้ามเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปให้ได้อย่างมีสวัสดิภาพอย่างพร้อมเพรียงกัน ขอให้ทุกคนสู้ไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องชนะ"