ผู้จัดการรายวัน360- นายกฯ ลั่นยังไม่ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากไม่ได้ผลพร้อมยกระดับเข้ม ขู่ใช้ยาแรงหยุดให้บริการรถสาธารณะ สั่งคลังชี้แจงคุณสมบัติผู้ได้รับเงินเยียวยา 5 พัน ชี้ยอดลงทะเบียนทะลุ 2 ล้าน "นนทบุรี" ประกาศเคอร์ฟิว “ศักดิ์สยาม”สั่งทุกหน่วยทำแผนลดงบปี63 ลง 10% ราชทัณฑ์ประกาศเลื่อนการเยี่ยมญาติออกไปอีก 1 เดือน ส่วนยอดผู้ป่วยเพิ่ม 127 ราย เสียชีวิตอีก 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,651 ราย กระจาย 61 จังหวัดทั่วประเทศ “ศิริราช” ชี้โควิดไทยยังอยู่ก้ำกึ่งคุมได้กับคุมไม่ได้
วานนี้ (31มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณี ช่วงที่ผ่านมา 7 วัน หลังคนกรุงเทพฯ เดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จนมีเสียงเรียกร้องให้สั่งห้ามเด็ดขาด ในการเคลื่อนย้ายประชาชนข้ามเขตจังหวัด ว่า การปรับมาตรการต่างๆ ได้ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอำนาจในการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการห้ามประชาชนเข้าออกในพื้นที่ หรือจังหวัด ที่มีตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่
สำหรับปัญหาสินค้าที่อาจจะมีราคาสูงขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากมีหลายร้านค้าและหลายผู้ประกอบการฉวยโอกาส ก็ได้สั่งการไปแล้ว และขอให้ประชาชนแจ้งมาได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานตามด่านจุดตรวจจุดสกัดทั้งหมดก็สามารถรับเรื่องร้องเรียนได้ และเข้าตรวจสอบได้ในทันที เพราะมีอำนาจทางกฎหมาย ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่แล้ว
เพิ่มมาตรการเข้มหยุดการเดินทาง
สำหรับการเดินทางออกนอกจังหวัด หรือนอกเขต แม้กระทั่งกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้หลายคนก็เป็นห่วง อยากให้มีการสั่งหยุด หรือปิดไปเลย แต่สิ่งเหล่านี้เราต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลเน้นย้ำในเรื่องให้บริการแกร็บ หรือไลน์แมน ต่างๆ ที่ต้องมีการตรวจสอบเชื้อไวรัสจากผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วย
ในส่วนของการเดินทาง ให้ไปดูว่าการให้บริการขนส่งต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งหากยังไม่สามารถควบคุมได้ ก็อาจต้องลดการให้บริการทั้งหมด ไม่ว่าจะรถไฟฟ้า รถไฟ รถโดยสาร และรถเมล์ แต่หากยังไม่เรียบร้อยอีก ก็คงต้องหยุดการให้บริการทั้งหมด
"เรามีการประเมินผลการทำงานทุกสัปดาห์อยู่แล้ว ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจตามกฎหมาย จะใช้ได้ 3 เดือน แต่วันนี้ ผมให้ประเมิน 1 เดือนแรกก่อน ถ้าจำเป็นก็ต่อไปอีกเป็น เดือนที่ 2 เดือนที่ 3 โดยมาตรการจะต้องเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ยังไม่มีแนวโน้มจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน " นายกฯ กล่าว
สั่งคลังแจงคุณสมบัติคนได้เงิน 5,000บาท
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง การขอรับเงินเยียวยาจากรัฐบาลรายละ 5,000 บาท (3 เดือน) ว่า ได้มอบหมายให้ ก.คลัง ไปชี้แจงแล้วว่า ส่วนใดที่จะได้รับบ้าง เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เมื่อลงทะเบียนผ่านแล้ว ระบบก็จะมีการคัดกรองคุณสมบัติ ว่าตรงตามที่ ก.คลัง กำหนดไว้ หรือไม่ ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วถึง 20 ล้านคน ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับทุกคน หากใครมีการกรอกข้อมูลอันเป็นเท็จ และถูกตรวจสอบได้ภายหลังที่ได้เงินเยียวยาไปแล้ว ก็จะถูกเรียกเงินคืนได้
ส่วนคนที่ไม่ตรงกลุ่มที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทนี้ รัฐบาลได้เตรียมหามาตรการช่วยเหลือ หรือออกมาตรการอื่นมาดูแลเพิ่มเติม จึงอาจมีมาตรการ ระยะ 3 หรือ ระยะ 4 ออกมา โดยจะให้พิจารณาในรอบ 3 เดือน รัฐบาลก็จะพิจารณาจัดหางบประมาณทั้งภายใน และภายนอก ทั้งงบประมาณประจำปี 63 รวมถึงงบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ ที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้มีเม็ดเงินเพียงพอ
เว้นภาษีนำเข้าหน้ากาก เครื่องมือเวชภัณฑ์
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กรมศุลกากร ยกเว้นภาษีอากรนำเข้าหน้ากากอนามัย เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ชุดตรวจหาไวรัสโควิด –19 และยาเวชภัณฑ์ ที่เกี่ยวกับการใช้รักษาเชื้อไวรัสโควิด –19 และสั่งการให้ สธ. เร่งกระบวนการตรวจ เพื่อรับรองมาตรฐานให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาใช้เวลาดำเนินการภายใน 1 วัน และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ใช้เวลาดำเนินการภายใน 4 วัน รวมถึงให้กระทรวงพาณิชย์ เข้มงวดในการคุมราคาไข่ไก่ ตั้งแต่หน้าฟาร์ม
ด้านการเดินทางสัญจร นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพภาคที่ 4 กระทรวงมหาดไทย ปิดการเดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
นอกจากนี้มอบหมายให้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้มงวดในการออกอากาศรายการมวยทางโทรทัศน์ สั่งการให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เข้มงวดในการควบคุมผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง หรือวินมอเตอร์ไซค์ สวมใส่หน้ากากอนามัย ปฎิบัติตามคำแนะนำของสธ. รวมทั้งให้จับกุมการลักลอบการเล่นพนัน การสังสรรค์อย่างผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนแข่งรถ
พร้อมกำชับแผนการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยต่อวัน ในช่วง 5 วันนี้ เป็นการชั่วคราว จากจำนวนการผลิตหน้ากากอนามัย ที่กระทรวงพาณิชย์สามารถจัดหาได้ 2.3 ล้านชิ้น ต่อวัน ให้จัดสรรให้กระทรวงมหาดไทย 8 แสนชิ้น และ สธ. 1.5 ล้านชิ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทย แจกจ่ายผ่าน บริษัทไปรษณีย์ไทย ไปยังผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เพื่อกระจายไปยังผู้ปฏิบัติงาน
ในส่วนของสธ. จะทำการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย 1.5 ล้านชิ้น ผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทย ไปยังสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ และใน 76 จังหวัด เพื่อนำไปให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่
ผู้ว่าฯ นนทบุรี ประกาศห้ามออกนอกบ้าน 23.00-05.00 น.
นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ลงนามในประกาศ เรื่อง มาตรการพึงปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ฉบับที่ 2: ขอความร่วมมือประชาชนงดการออกนอกเคหสถาน โดยใจความหลักๆระบุว่า ขณะนี้พบจำนวนผู้ติดเชื้อ โควิด 19 ผู้สัมผัสโรคในจังหวัดนนทบุรี เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวัน ทั้งยังมีผู้ป่วยบางรายเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติโรคติตต่อ พ.ศ.2558 ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนนทบุรี ในการประชุมครั้งที่ 11/2563 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563ประกอบความในข้อ 5 ข้อ 7และข้อ 10 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคน งดการออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00 น. – 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ยกเว้น เป็นผู้ขนส่งสินค้า ผู้ที่ต้องปฏิบัติงานใน ช่วงเวลาดังกล่าว หรือมีความจำเป็นเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
“ศักดิ์สยาม”สั่งหั่นงบ10% ช่วยเยียวยา”โควิด-19”
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน ทำแผนปรับลดงบประมาณปี 2563 ลง 10% เพื่อนำงบประมาณไปช่วยรัฐบาลในการดูแลสุขภาพประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
สำหรับ ยานพาหนะที่ต้องหยุดให้บริการในขณะนี้ . ทั้ง คมนาคมทางอากาศ ทางบก ทางราง ทางน้ำ เนื่องจากมีการลดจำนวนการให้บริการลงนั้น ให้แต่ละหน่วยงาน ตรวจสอบแผนการบำรุงรักษายานพาหนะเพื่อให้มีสภาพที่ดีอยู่เสมอ โดยกระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณในปี 2563 วงเงินรวม 208,315.24 ล้านบาท
‘มท.1’ขู่เชือด!กักตุนสินค้าโทษหนัก‘คุก-ปรับ’
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการกักตุนสินค้าที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวัง และควบคุมติดตามการระบาด การป้องกัน และการรักษาโรค ตลอดจนการกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ของประชาชนในพื้นที่ทุกจังหวัด จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้ พ.ร.บ.สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 อย่างเข้มงวดกระทรวงมหาดไทยได้นำเสนอร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ ตามพ.ร.บ.สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 พ.ศ.... ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้เขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ ตามพ.ร.บ. สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ขอมติครม. แต่งตั้ง คณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ฯ ขึ้นใหม่ โดยมีตนเอง เป็นประธานคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมการปกครอง เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมอบหมายให้สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ฯ ดังกล่าว
"เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย สามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อป้องกัน ปราบปรามการกักตุนสินค้าที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังและควบคุมติดตามการระบาด การป้องกัน และการรักษาโรค ตลอดจน การกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ" รมว.มหาดไทย กล่าว
“ราชทัณฑ์”งดเยี่ยมญาติ ถึง 30 เม.ย.
วานนี้ (31 มี.ค.) เพจ “ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์”เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย และมีความรุนแรงมากขึ้นและอาจแพร่ระบาดเข้าภายในเรือนจำ ทางกรมราชทัณฑ์จึงขอแจ้งจะทำการงดเยี่ยมญาตืต่อไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 63 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ป่วยโควิดเพิ่ม 127 ราย ตายอีก 1
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า วันที่ 31 มี.ค. มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 127 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ มีผู้ป่วยสะสม 1,651 ราย เสียชีวิตแล้ว10 ราย โดยผู้ป่วยสะสมทั้ง 1,651 ราย กระจายเพิ่มเป็น 61 จังหวัด สูงสุดยังอยู่ที่ กทม.และนนทบุรี 869 ราย ภาคอีสาน 77 ราย ภาคเหนือ 55 ราย ภาคกลาง 172 ราย และภาคใต้ 206 ราย
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ช่วง 3 วันที่ผ่านมา คือ 143 ราย 136 ราย และ 127 ราย ถามว่าพึงพอใจหรือไม่ ก็กลับไปดูวันที่เราแถลงภาวะฉุกเฉินโดยนายกฯ คือ วันที่ 26 มี.ค. ถือว่ายังไม่ถึง 7 วัน ดังนั้น จำนวนผู้ป่วยวันนี้ 127 ราย เป็นปรากฏการณ์คนติดเชื้อเมื่อ 5-7 วันก่อนแล้วมาแสดงอาการ แปลว่าหลังวันที่ 26 มี.ค. ต้องบวกไปอีก 7 วัน ถ้าเราร่วมมือกันดี ตัวเลขการติดเชื้อใหม่ต้องลดลง
"ศิริราช" ชี้ไทยก้ำกึ่งคุมโควิดได้-ไม่ได้
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงผ่านไลฟ์ Mahidol Channel ว่าจากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เก็บสถิติจริงจากรายงานผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ของไทยตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสรุปเมื่อวันที่ 30 มี.ค.พบว่า จากหลายมาตรการที่ออกโดยรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ช่วยกัน ทำให้ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ของไทยทำได้สำเร็จในระดับหนึ่ง คือ จำนวนผู้ป่วยยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับศักยภาพระบบการดูแลรักษาพยาบาล แต่ยังถือว่าก้ำกึ่งระหว่างจะคุมได้กับคุมไม่ได้ เรามีความเสี่ยงขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆ เพราะขณะนี้ปริ่มที่จะขาดแคลน สิ่งที่ขอคือการลดจำนวนคนไข้ โดยประชาชนทุกคนต้องหยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติอย่างจริงจัง
“วันนี้เฉพาะ รพ.ศิริราช มีผู้ป่วยเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยที่รับดูแลอยู่ 70 ราย จำนวนนี้อาการหนัก 6 ราย ถือว่าปริ่มมากที่จะขาดแคลนทรัพยากรในการดูแล เมื่อถึงจุดที่เตียงเต็มอาจต้องเข้าสู่การดำเนินการขั้น 2 คือ ย้ายผู้ป่วยอาการน้อยไปแอดมิตในพื้นที่ที่จัดหานอก รพ.แทน แต่หากประชาชนช่วยกันลดอัตราป่วยให้ชะลอลง ค่อยๆ ทยอยเข้ามาตรวจ เชื่อว่าทรัพยากรที่มีอยู่จะเพียงพอต่อการดูแลคนที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19” ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
นพ.มนศักดิ์ ชูโชติรส รอง ผอ.รพ.ศิริราช กล่าวว่า รพ.ศิริราช ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ตอนนี้มีเตียงที่จะรองรับผู้ป่วยโควิด 102 เตียง แต่คนไข้ก็สูงขึ้นแต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้จะเพิ่มได้อีก 16-17 เตียงก็เต็มศักยภาพแล้ว ขณะนี้มีคนไข้อยู่ใน รพ.70 คน อาการหนัก 6 คน หากคนไข้เพิ่มขึ้นก็อาจจะต้องขยายไปสู่มาตรการต่อไป
วานนี้ (31มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณี ช่วงที่ผ่านมา 7 วัน หลังคนกรุงเทพฯ เดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จนมีเสียงเรียกร้องให้สั่งห้ามเด็ดขาด ในการเคลื่อนย้ายประชาชนข้ามเขตจังหวัด ว่า การปรับมาตรการต่างๆ ได้ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอำนาจในการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการห้ามประชาชนเข้าออกในพื้นที่ หรือจังหวัด ที่มีตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่
สำหรับปัญหาสินค้าที่อาจจะมีราคาสูงขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากมีหลายร้านค้าและหลายผู้ประกอบการฉวยโอกาส ก็ได้สั่งการไปแล้ว และขอให้ประชาชนแจ้งมาได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานตามด่านจุดตรวจจุดสกัดทั้งหมดก็สามารถรับเรื่องร้องเรียนได้ และเข้าตรวจสอบได้ในทันที เพราะมีอำนาจทางกฎหมาย ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่แล้ว
เพิ่มมาตรการเข้มหยุดการเดินทาง
สำหรับการเดินทางออกนอกจังหวัด หรือนอกเขต แม้กระทั่งกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้หลายคนก็เป็นห่วง อยากให้มีการสั่งหยุด หรือปิดไปเลย แต่สิ่งเหล่านี้เราต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลเน้นย้ำในเรื่องให้บริการแกร็บ หรือไลน์แมน ต่างๆ ที่ต้องมีการตรวจสอบเชื้อไวรัสจากผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วย
ในส่วนของการเดินทาง ให้ไปดูว่าการให้บริการขนส่งต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งหากยังไม่สามารถควบคุมได้ ก็อาจต้องลดการให้บริการทั้งหมด ไม่ว่าจะรถไฟฟ้า รถไฟ รถโดยสาร และรถเมล์ แต่หากยังไม่เรียบร้อยอีก ก็คงต้องหยุดการให้บริการทั้งหมด
"เรามีการประเมินผลการทำงานทุกสัปดาห์อยู่แล้ว ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจตามกฎหมาย จะใช้ได้ 3 เดือน แต่วันนี้ ผมให้ประเมิน 1 เดือนแรกก่อน ถ้าจำเป็นก็ต่อไปอีกเป็น เดือนที่ 2 เดือนที่ 3 โดยมาตรการจะต้องเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ยังไม่มีแนวโน้มจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน " นายกฯ กล่าว
สั่งคลังแจงคุณสมบัติคนได้เงิน 5,000บาท
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง การขอรับเงินเยียวยาจากรัฐบาลรายละ 5,000 บาท (3 เดือน) ว่า ได้มอบหมายให้ ก.คลัง ไปชี้แจงแล้วว่า ส่วนใดที่จะได้รับบ้าง เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เมื่อลงทะเบียนผ่านแล้ว ระบบก็จะมีการคัดกรองคุณสมบัติ ว่าตรงตามที่ ก.คลัง กำหนดไว้ หรือไม่ ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วถึง 20 ล้านคน ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับทุกคน หากใครมีการกรอกข้อมูลอันเป็นเท็จ และถูกตรวจสอบได้ภายหลังที่ได้เงินเยียวยาไปแล้ว ก็จะถูกเรียกเงินคืนได้
ส่วนคนที่ไม่ตรงกลุ่มที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทนี้ รัฐบาลได้เตรียมหามาตรการช่วยเหลือ หรือออกมาตรการอื่นมาดูแลเพิ่มเติม จึงอาจมีมาตรการ ระยะ 3 หรือ ระยะ 4 ออกมา โดยจะให้พิจารณาในรอบ 3 เดือน รัฐบาลก็จะพิจารณาจัดหางบประมาณทั้งภายใน และภายนอก ทั้งงบประมาณประจำปี 63 รวมถึงงบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ ที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้มีเม็ดเงินเพียงพอ
เว้นภาษีนำเข้าหน้ากาก เครื่องมือเวชภัณฑ์
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กรมศุลกากร ยกเว้นภาษีอากรนำเข้าหน้ากากอนามัย เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ชุดตรวจหาไวรัสโควิด –19 และยาเวชภัณฑ์ ที่เกี่ยวกับการใช้รักษาเชื้อไวรัสโควิด –19 และสั่งการให้ สธ. เร่งกระบวนการตรวจ เพื่อรับรองมาตรฐานให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาใช้เวลาดำเนินการภายใน 1 วัน และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ใช้เวลาดำเนินการภายใน 4 วัน รวมถึงให้กระทรวงพาณิชย์ เข้มงวดในการคุมราคาไข่ไก่ ตั้งแต่หน้าฟาร์ม
ด้านการเดินทางสัญจร นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพภาคที่ 4 กระทรวงมหาดไทย ปิดการเดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
นอกจากนี้มอบหมายให้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้มงวดในการออกอากาศรายการมวยทางโทรทัศน์ สั่งการให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เข้มงวดในการควบคุมผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง หรือวินมอเตอร์ไซค์ สวมใส่หน้ากากอนามัย ปฎิบัติตามคำแนะนำของสธ. รวมทั้งให้จับกุมการลักลอบการเล่นพนัน การสังสรรค์อย่างผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนแข่งรถ
พร้อมกำชับแผนการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยต่อวัน ในช่วง 5 วันนี้ เป็นการชั่วคราว จากจำนวนการผลิตหน้ากากอนามัย ที่กระทรวงพาณิชย์สามารถจัดหาได้ 2.3 ล้านชิ้น ต่อวัน ให้จัดสรรให้กระทรวงมหาดไทย 8 แสนชิ้น และ สธ. 1.5 ล้านชิ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทย แจกจ่ายผ่าน บริษัทไปรษณีย์ไทย ไปยังผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เพื่อกระจายไปยังผู้ปฏิบัติงาน
ในส่วนของสธ. จะทำการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย 1.5 ล้านชิ้น ผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทย ไปยังสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ และใน 76 จังหวัด เพื่อนำไปให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่
ผู้ว่าฯ นนทบุรี ประกาศห้ามออกนอกบ้าน 23.00-05.00 น.
นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ลงนามในประกาศ เรื่อง มาตรการพึงปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ฉบับที่ 2: ขอความร่วมมือประชาชนงดการออกนอกเคหสถาน โดยใจความหลักๆระบุว่า ขณะนี้พบจำนวนผู้ติดเชื้อ โควิด 19 ผู้สัมผัสโรคในจังหวัดนนทบุรี เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวัน ทั้งยังมีผู้ป่วยบางรายเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติโรคติตต่อ พ.ศ.2558 ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนนทบุรี ในการประชุมครั้งที่ 11/2563 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563ประกอบความในข้อ 5 ข้อ 7และข้อ 10 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคน งดการออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00 น. – 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ยกเว้น เป็นผู้ขนส่งสินค้า ผู้ที่ต้องปฏิบัติงานใน ช่วงเวลาดังกล่าว หรือมีความจำเป็นเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
“ศักดิ์สยาม”สั่งหั่นงบ10% ช่วยเยียวยา”โควิด-19”
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน ทำแผนปรับลดงบประมาณปี 2563 ลง 10% เพื่อนำงบประมาณไปช่วยรัฐบาลในการดูแลสุขภาพประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
สำหรับ ยานพาหนะที่ต้องหยุดให้บริการในขณะนี้ . ทั้ง คมนาคมทางอากาศ ทางบก ทางราง ทางน้ำ เนื่องจากมีการลดจำนวนการให้บริการลงนั้น ให้แต่ละหน่วยงาน ตรวจสอบแผนการบำรุงรักษายานพาหนะเพื่อให้มีสภาพที่ดีอยู่เสมอ โดยกระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณในปี 2563 วงเงินรวม 208,315.24 ล้านบาท
‘มท.1’ขู่เชือด!กักตุนสินค้าโทษหนัก‘คุก-ปรับ’
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการกักตุนสินค้าที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวัง และควบคุมติดตามการระบาด การป้องกัน และการรักษาโรค ตลอดจนการกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ของประชาชนในพื้นที่ทุกจังหวัด จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้ พ.ร.บ.สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 อย่างเข้มงวดกระทรวงมหาดไทยได้นำเสนอร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ ตามพ.ร.บ.สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 พ.ศ.... ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้เขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ ตามพ.ร.บ. สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ขอมติครม. แต่งตั้ง คณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ฯ ขึ้นใหม่ โดยมีตนเอง เป็นประธานคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมการปกครอง เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมอบหมายให้สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ฯ ดังกล่าว
"เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย สามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อป้องกัน ปราบปรามการกักตุนสินค้าที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังและควบคุมติดตามการระบาด การป้องกัน และการรักษาโรค ตลอดจน การกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ" รมว.มหาดไทย กล่าว
“ราชทัณฑ์”งดเยี่ยมญาติ ถึง 30 เม.ย.
วานนี้ (31 มี.ค.) เพจ “ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์”เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย และมีความรุนแรงมากขึ้นและอาจแพร่ระบาดเข้าภายในเรือนจำ ทางกรมราชทัณฑ์จึงขอแจ้งจะทำการงดเยี่ยมญาตืต่อไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 63 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ป่วยโควิดเพิ่ม 127 ราย ตายอีก 1
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า วันที่ 31 มี.ค. มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 127 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ มีผู้ป่วยสะสม 1,651 ราย เสียชีวิตแล้ว10 ราย โดยผู้ป่วยสะสมทั้ง 1,651 ราย กระจายเพิ่มเป็น 61 จังหวัด สูงสุดยังอยู่ที่ กทม.และนนทบุรี 869 ราย ภาคอีสาน 77 ราย ภาคเหนือ 55 ราย ภาคกลาง 172 ราย และภาคใต้ 206 ราย
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ช่วง 3 วันที่ผ่านมา คือ 143 ราย 136 ราย และ 127 ราย ถามว่าพึงพอใจหรือไม่ ก็กลับไปดูวันที่เราแถลงภาวะฉุกเฉินโดยนายกฯ คือ วันที่ 26 มี.ค. ถือว่ายังไม่ถึง 7 วัน ดังนั้น จำนวนผู้ป่วยวันนี้ 127 ราย เป็นปรากฏการณ์คนติดเชื้อเมื่อ 5-7 วันก่อนแล้วมาแสดงอาการ แปลว่าหลังวันที่ 26 มี.ค. ต้องบวกไปอีก 7 วัน ถ้าเราร่วมมือกันดี ตัวเลขการติดเชื้อใหม่ต้องลดลง
"ศิริราช" ชี้ไทยก้ำกึ่งคุมโควิดได้-ไม่ได้
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงผ่านไลฟ์ Mahidol Channel ว่าจากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เก็บสถิติจริงจากรายงานผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ของไทยตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสรุปเมื่อวันที่ 30 มี.ค.พบว่า จากหลายมาตรการที่ออกโดยรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ช่วยกัน ทำให้ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ของไทยทำได้สำเร็จในระดับหนึ่ง คือ จำนวนผู้ป่วยยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับศักยภาพระบบการดูแลรักษาพยาบาล แต่ยังถือว่าก้ำกึ่งระหว่างจะคุมได้กับคุมไม่ได้ เรามีความเสี่ยงขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆ เพราะขณะนี้ปริ่มที่จะขาดแคลน สิ่งที่ขอคือการลดจำนวนคนไข้ โดยประชาชนทุกคนต้องหยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติอย่างจริงจัง
“วันนี้เฉพาะ รพ.ศิริราช มีผู้ป่วยเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยที่รับดูแลอยู่ 70 ราย จำนวนนี้อาการหนัก 6 ราย ถือว่าปริ่มมากที่จะขาดแคลนทรัพยากรในการดูแล เมื่อถึงจุดที่เตียงเต็มอาจต้องเข้าสู่การดำเนินการขั้น 2 คือ ย้ายผู้ป่วยอาการน้อยไปแอดมิตในพื้นที่ที่จัดหานอก รพ.แทน แต่หากประชาชนช่วยกันลดอัตราป่วยให้ชะลอลง ค่อยๆ ทยอยเข้ามาตรวจ เชื่อว่าทรัพยากรที่มีอยู่จะเพียงพอต่อการดูแลคนที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19” ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
นพ.มนศักดิ์ ชูโชติรส รอง ผอ.รพ.ศิริราช กล่าวว่า รพ.ศิริราช ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ตอนนี้มีเตียงที่จะรองรับผู้ป่วยโควิด 102 เตียง แต่คนไข้ก็สูงขึ้นแต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้จะเพิ่มได้อีก 16-17 เตียงก็เต็มศักยภาพแล้ว ขณะนี้มีคนไข้อยู่ใน รพ.70 คน อาการหนัก 6 คน หากคนไข้เพิ่มขึ้นก็อาจจะต้องขยายไปสู่มาตรการต่อไป
