บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทนั้น เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น.ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูรต่อการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต
น.ส.วิภารัตน์ สิริบูรณ์ อายุ 33 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พร้อมกับสามีและลูกสาว กล่าวว่า ตนมาเข้าคิวที่สนามหลวงตั้งแต่เวลา 03.00 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพประมาณ 11.00 น. คิดว่ารอไม่นาน และไม่รู้สึกเหนื่อยเลย โดยครั้งนี้มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาอีก เพราะรักและคิดถึงพระองค์มาก ตั้งแต่จำความได้ ตนเห็นพระองค์ทรงงานหนัก เพื่อประชาชนและประเทศชาติมากมาย ส่วนตัวได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และใช้จ่ายอย่างประหยัด พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีมาก ในชีวิตนี้ตนยังไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จก็รู้สึกเสียดายมาก แต่ตนภูมิใจและดีใจมากที่ได้เกิดมาในรัชกาลที่ 9 ตนได้อธิษฐานขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาอยู่ใต้บรมโพธิสมภารของพระองค์อีก โดยตั้งใจจะทำความดีและเป็นคนดีของสังคม เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ
ด้านนายบุญเพิ่ม ม่วงรี อายุ 64 ปี ชาวพระประแดง จ.สมุทรปราการ เดินทางพร้อมภรรยา และลูกสาว นางณิญาภา สุวรรณคัณฑิ และหลาน ด.ญ.ไหมพิมพ์ สุวรรณคัณฑิ พร้อมน้องสาว นางบุญเกื้อ ม่วงรี โดยได้มาต่อแถวเวลา 03.45 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเวลา 08.30 น. กล่าวว่า วันนี้ครอบครัวมากัน 5 คน ที่เลือกมาวันนี้เพราะช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ จะได้เดินทางมาพร้อมครอบครัว ทั้งนี้คาดว่าผู้คนส่วนหนึ่งจะเดินทางออกต่างจังหวัด ทำให้คิวที่รอสักการะพระบรมศพไม่หนาแน่นมากนัก ซึ่งรวมๆ รอประมาณ 5 ชั่วโมง ถือว่าเร็วกว่าคนอื่นที่เคยเห็นตามข่าวว่ารอถึง 12 ชั่วโมง การที่ได้มากราบสักการะท่านรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่ได้มากรายสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และขอเป็นข้ารองพระบาทของพระองค์ทุกชาติไป ระหว่างที่อยู่ในพระที่นั่งดุสิตก็อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
ขณะที่นางบุญเกื้อ น้องสาว กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวสมุทรปราการเป็นอย่างมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพานภูมิพล ที่มาจากพระราชดำริ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ ให้สั้นลง รวมทั้งยังช่วยเรื่องการจราจรที่ติดขัดได้ด้วย หากไม่มีพระราชดำริของพระองค์ท่าน การเดินทางของคนพระประแดงและสมุทรปราการต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง ไม่สามารถเดินทางได้เร็วเหมือนทุกวันนี้ โดยตนทำงานด้านบัญชี อยู่แถวเพลินจิต การเดินทางมาที่ทำงานจากบ้านไม่เกินชั่วโมง จากเดิมที่บางวันใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
นางณิญาภา กล่าวว่า วันนี้ได้พาลูกสาวอายุ 6 ขวบมากราบสักการะพระบรมศพด้วย โดยวันนี้แม้จะต้องตื่นเช้ากว่าปกติแต่ลูกสาวก็ไม่งอแง ที่ผ่านมาตนได้มีการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ลูกสาวรับทราบ โดยเฉพาะการเสด็จไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือประชาชน หากมีโอกาสพาลูกสาวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่พระองค์เคยเสด็จก็จะเล่าให้ลูกฟังว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 เคยทรงงานอย่างไรบ้าง ขณะนี้ลูกสาวก็เริ่มรับรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
นางเสลา ก้อนแก้ว อายุ 89 ปี ชาวนนทบุรี กล่าวหลังกราบสักการะพระบรมศพว่า ตั้งใจที่จะเดินทางมกราบสักการะพระบรมศพ เพราะซาบซึ้ง และประทับใจในทุกทุกอย่างที่พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนคนไทย ยายรักในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เคยได้ไปลงนามถวายพระพรและรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่โรงพยาบาลศิริราช พระองค์ทรงสรวล และยกพระหัตห์ให้ประชาชนที่รับเสด็จ รู้สึกปลื้มใจมาก
นางรุ่งรัตน์ กล่าวน้ำตาคลอว่า ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย และได้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนที่ทราบข่าวการสวรรคตเสียใจมาก อยากให้ยังอยู่ต่อเป็นขวัญกำลังใจประชาชนและประเทศชาติ ที่ผ่านมาเห็นพระองค์ทรงงานหนักทรงนึกถึงประชาชนก่อนเสมอ เสด็จไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนทั่วถิ่นแดนไทย หาผู้ที่จะมาเปรียบเทียบได้ เวลาที่ท้อแท้ก็จะนึกถึงพระองค์ท่านเสมอ และจะยึดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ แม้ว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสให้รับเสด็จและชมพระบารมีของพระองค์ท่านเพียงครั้งเดียว สมัยที่เรียน ป.5 โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ โดยได้เป็นตัวแทนรอรับเสด็จครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินผ่านเส้นทางหน้าโรงเรียนฯ ได้เห็นพระองค์ท่านบนรถพระที่นั่ง รู้สึกตื้นตัน และแม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ยังจำได้ไม่ลืม
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูรต่อการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต
น.ส.วิภารัตน์ สิริบูรณ์ อายุ 33 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พร้อมกับสามีและลูกสาว กล่าวว่า ตนมาเข้าคิวที่สนามหลวงตั้งแต่เวลา 03.00 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพประมาณ 11.00 น. คิดว่ารอไม่นาน และไม่รู้สึกเหนื่อยเลย โดยครั้งนี้มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาอีก เพราะรักและคิดถึงพระองค์มาก ตั้งแต่จำความได้ ตนเห็นพระองค์ทรงงานหนัก เพื่อประชาชนและประเทศชาติมากมาย ส่วนตัวได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และใช้จ่ายอย่างประหยัด พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีมาก ในชีวิตนี้ตนยังไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จก็รู้สึกเสียดายมาก แต่ตนภูมิใจและดีใจมากที่ได้เกิดมาในรัชกาลที่ 9 ตนได้อธิษฐานขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาอยู่ใต้บรมโพธิสมภารของพระองค์อีก โดยตั้งใจจะทำความดีและเป็นคนดีของสังคม เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ
ด้านนายบุญเพิ่ม ม่วงรี อายุ 64 ปี ชาวพระประแดง จ.สมุทรปราการ เดินทางพร้อมภรรยา และลูกสาว นางณิญาภา สุวรรณคัณฑิ และหลาน ด.ญ.ไหมพิมพ์ สุวรรณคัณฑิ พร้อมน้องสาว นางบุญเกื้อ ม่วงรี โดยได้มาต่อแถวเวลา 03.45 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเวลา 08.30 น. กล่าวว่า วันนี้ครอบครัวมากัน 5 คน ที่เลือกมาวันนี้เพราะช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ จะได้เดินทางมาพร้อมครอบครัว ทั้งนี้คาดว่าผู้คนส่วนหนึ่งจะเดินทางออกต่างจังหวัด ทำให้คิวที่รอสักการะพระบรมศพไม่หนาแน่นมากนัก ซึ่งรวมๆ รอประมาณ 5 ชั่วโมง ถือว่าเร็วกว่าคนอื่นที่เคยเห็นตามข่าวว่ารอถึง 12 ชั่วโมง การที่ได้มากราบสักการะท่านรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่ได้มากรายสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และขอเป็นข้ารองพระบาทของพระองค์ทุกชาติไป ระหว่างที่อยู่ในพระที่นั่งดุสิตก็อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
ขณะที่นางบุญเกื้อ น้องสาว กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวสมุทรปราการเป็นอย่างมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพานภูมิพล ที่มาจากพระราชดำริ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ ให้สั้นลง รวมทั้งยังช่วยเรื่องการจราจรที่ติดขัดได้ด้วย หากไม่มีพระราชดำริของพระองค์ท่าน การเดินทางของคนพระประแดงและสมุทรปราการต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง ไม่สามารถเดินทางได้เร็วเหมือนทุกวันนี้ โดยตนทำงานด้านบัญชี อยู่แถวเพลินจิต การเดินทางมาที่ทำงานจากบ้านไม่เกินชั่วโมง จากเดิมที่บางวันใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
นางณิญาภา กล่าวว่า วันนี้ได้พาลูกสาวอายุ 6 ขวบมากราบสักการะพระบรมศพด้วย โดยวันนี้แม้จะต้องตื่นเช้ากว่าปกติแต่ลูกสาวก็ไม่งอแง ที่ผ่านมาตนได้มีการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ลูกสาวรับทราบ โดยเฉพาะการเสด็จไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือประชาชน หากมีโอกาสพาลูกสาวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่พระองค์เคยเสด็จก็จะเล่าให้ลูกฟังว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 เคยทรงงานอย่างไรบ้าง ขณะนี้ลูกสาวก็เริ่มรับรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
นางเสลา ก้อนแก้ว อายุ 89 ปี ชาวนนทบุรี กล่าวหลังกราบสักการะพระบรมศพว่า ตั้งใจที่จะเดินทางมกราบสักการะพระบรมศพ เพราะซาบซึ้ง และประทับใจในทุกทุกอย่างที่พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนคนไทย ยายรักในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เคยได้ไปลงนามถวายพระพรและรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่โรงพยาบาลศิริราช พระองค์ทรงสรวล และยกพระหัตห์ให้ประชาชนที่รับเสด็จ รู้สึกปลื้มใจมาก
นางรุ่งรัตน์ กล่าวน้ำตาคลอว่า ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย และได้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนที่ทราบข่าวการสวรรคตเสียใจมาก อยากให้ยังอยู่ต่อเป็นขวัญกำลังใจประชาชนและประเทศชาติ ที่ผ่านมาเห็นพระองค์ทรงงานหนักทรงนึกถึงประชาชนก่อนเสมอ เสด็จไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนทั่วถิ่นแดนไทย หาผู้ที่จะมาเปรียบเทียบได้ เวลาที่ท้อแท้ก็จะนึกถึงพระองค์ท่านเสมอ และจะยึดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ แม้ว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสให้รับเสด็จและชมพระบารมีของพระองค์ท่านเพียงครั้งเดียว สมัยที่เรียน ป.5 โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ โดยได้เป็นตัวแทนรอรับเสด็จครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินผ่านเส้นทางหน้าโรงเรียนฯ ได้เห็นพระองค์ท่านบนรถพระที่นั่ง รู้สึกตื้นตัน และแม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ยังจำได้ไม่ลืม