บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทนั้น เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูร ต่อการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต
นางอำนวย สายสุด อายุ 53 ปี พสกนิกรจาก อ.วังเจ้า จ.ตาก เดินทางมาพร้อมกับลูกสาว 2 คน และหลานสาว 3 คน กล่าวถึงความรู้สึกหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ปลาบปลื้มใจอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้ากราบพระองค์ท่านใกล้ๆ ตนมีอาชีพทำไร่มานาน ปลูกผัก ผลไม้ รวมถึงปลูกข้าว โดยแต่ก่อนปลูกข้าวขาวไม่ค่อยมีราคา แต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี ประทานพันธุ์ข้าวไรซ์เบอร์รี และได้ทดลองปลูก ช่วยสร้างรายได้มากขึ้น ส่วนตนเองสุขภาพดีขึ้นด้วยจากการกินข้าวไร์เบอร์รี รู้สึกได้ว่าโรคเหน็บชาหายไป
สำหรับการทำการเกษตร ตนได้น้อมน้ำเรื่องการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ในกรอบแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 โดยตนได้แบบพื้นที่ ทั้งปลูกข้าว พืชผสมผสาน และเลี้ยงปลาด้วย โดยข้าวเปลือกพระราชทานที่ได้รับจะนำไปแบ่งเก็บในยุ้งฉาง บนหิ้งพระ และหว่านในนาข้าวเพื่อความเป็นสิริมงคล
นายศุภวัฒน์ ศักดิ์แสนศิลป์ อายุ 38 ปี เดินทางมาพร้อมด้วยนางนภัสภรณ์ ศักดิ์แสนศิลป์ ภรรยา และลูกๆ ด.ช.วชิรวิทย์-ด.ช.ณัฐพนธ์ ศักดิ์แสนศิลป์ จากบ้านเกิดใน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ตอนเวลา 01.00 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 03.00 น. กล่าวความรู้สึกหลังจากได้กราบสักการะพระบรมศพว่า ปลาบปลื้มใจมาก ส่วนตัวมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ววันนี้จึงอยากพาลูกและภรรยามา เพื่อให้ซึมซับคุณงามความดีของในหลวง ร.9 ทุกคนจึงตั้งใจมาด้วยรักและศรัทธา
ด้าน นางธัญลักษณ์ งามวรวุฒิ อายุ 45 ปีชาวกรุงเทพฯ ที่เดินทางมากับสามี และน้องสะใภ้ เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกในชีวิตบอกว่า เตรียมตัวเป็นอย่างดี ออกจากบ้านพักเขตบางขุนเทียนตอน 01.00 น. มาถึงบริเวณสนามหลวงในเวลา 02.00 น. แล้วเข้าแถวรอเวลา 05.30 น. เห็นผู้คนมารอเป็นจำนวนมาก รู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาไหล ยิ่งตอนเข้ากราบพระบรมศพยิ่งใจหายน้ำตาไหลมาอีกโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่สนามหลวง รักในหลวงมาก ทุกครั้งที่มาร่วมแสดงความจงรักภักดีไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลย อยากมาอีกเรื่อยๆ แค่นี้ยังเทียบไม่ได้เลยกับที่พระองค์ทรงลำบากตรากตรำทำงานเพื่อพวกเรา นับจากนี้จะสอนลูกให้เดินตามคำสอนของท่าน โดยเฉพาะความมัธยัสธ์รู้จักใช้เงิน ในหลวงอยากได้อะไรก็ทรงเก็บเงินซื้อเอง ลูกต้องเรียนรู้และทำให้ได้เหมือนท่าน ส่วนตัวตั้งใจสวมชุดดำไว้ทุกข์จนถึงปีหน้า นอกจากนี้สามียังทำจี้พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงร.9 ให้ทุกคนในบ้านได้ห้อยคอเป็นที่ระลึกอีกด้วย รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เกิดมาในรัชสมัยของพระองค์ท่าน
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูร ต่อการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต
นางอำนวย สายสุด อายุ 53 ปี พสกนิกรจาก อ.วังเจ้า จ.ตาก เดินทางมาพร้อมกับลูกสาว 2 คน และหลานสาว 3 คน กล่าวถึงความรู้สึกหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ปลาบปลื้มใจอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้ากราบพระองค์ท่านใกล้ๆ ตนมีอาชีพทำไร่มานาน ปลูกผัก ผลไม้ รวมถึงปลูกข้าว โดยแต่ก่อนปลูกข้าวขาวไม่ค่อยมีราคา แต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี ประทานพันธุ์ข้าวไรซ์เบอร์รี และได้ทดลองปลูก ช่วยสร้างรายได้มากขึ้น ส่วนตนเองสุขภาพดีขึ้นด้วยจากการกินข้าวไร์เบอร์รี รู้สึกได้ว่าโรคเหน็บชาหายไป
สำหรับการทำการเกษตร ตนได้น้อมน้ำเรื่องการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ในกรอบแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 โดยตนได้แบบพื้นที่ ทั้งปลูกข้าว พืชผสมผสาน และเลี้ยงปลาด้วย โดยข้าวเปลือกพระราชทานที่ได้รับจะนำไปแบ่งเก็บในยุ้งฉาง บนหิ้งพระ และหว่านในนาข้าวเพื่อความเป็นสิริมงคล
นายศุภวัฒน์ ศักดิ์แสนศิลป์ อายุ 38 ปี เดินทางมาพร้อมด้วยนางนภัสภรณ์ ศักดิ์แสนศิลป์ ภรรยา และลูกๆ ด.ช.วชิรวิทย์-ด.ช.ณัฐพนธ์ ศักดิ์แสนศิลป์ จากบ้านเกิดใน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ตอนเวลา 01.00 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 03.00 น. กล่าวความรู้สึกหลังจากได้กราบสักการะพระบรมศพว่า ปลาบปลื้มใจมาก ส่วนตัวมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ววันนี้จึงอยากพาลูกและภรรยามา เพื่อให้ซึมซับคุณงามความดีของในหลวง ร.9 ทุกคนจึงตั้งใจมาด้วยรักและศรัทธา
ด้าน นางธัญลักษณ์ งามวรวุฒิ อายุ 45 ปีชาวกรุงเทพฯ ที่เดินทางมากับสามี และน้องสะใภ้ เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกในชีวิตบอกว่า เตรียมตัวเป็นอย่างดี ออกจากบ้านพักเขตบางขุนเทียนตอน 01.00 น. มาถึงบริเวณสนามหลวงในเวลา 02.00 น. แล้วเข้าแถวรอเวลา 05.30 น. เห็นผู้คนมารอเป็นจำนวนมาก รู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาไหล ยิ่งตอนเข้ากราบพระบรมศพยิ่งใจหายน้ำตาไหลมาอีกโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่สนามหลวง รักในหลวงมาก ทุกครั้งที่มาร่วมแสดงความจงรักภักดีไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลย อยากมาอีกเรื่อยๆ แค่นี้ยังเทียบไม่ได้เลยกับที่พระองค์ทรงลำบากตรากตรำทำงานเพื่อพวกเรา นับจากนี้จะสอนลูกให้เดินตามคำสอนของท่าน โดยเฉพาะความมัธยัสธ์รู้จักใช้เงิน ในหลวงอยากได้อะไรก็ทรงเก็บเงินซื้อเอง ลูกต้องเรียนรู้และทำให้ได้เหมือนท่าน ส่วนตัวตั้งใจสวมชุดดำไว้ทุกข์จนถึงปีหน้า นอกจากนี้สามียังทำจี้พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงร.9 ให้ทุกคนในบ้านได้ห้อยคอเป็นที่ระลึกอีกด้วย รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เกิดมาในรัชสมัยของพระองค์ท่าน