พสกนิกรทุกเพศทุกวัยจากทั่วทุกสารทิศ ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 55,908 คน รวม 57 วัน มี 2,349,038 คน ทั้งนี้ แจ้งเวลาปรับเปลี่ยนการเข้าชมห้องนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ที่ศาลาว่าการพระราชวัง เปิดทำการทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 15.30 น. ปิดทำการทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์
วันนี้ (27 ธ.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 58 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูร ต่อการสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ประชาชนเป็นที่ระลึก
ด้าน นางอำนวย สายสุด อายุ 53 ปี พสกนิกรจากอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก เดินทางมาพร้อมกับลูกสาว 2 คน และหลานสาว 3 คน กล่าวถึงความรู้สึกหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ว่า ปลาบปลื้มใจอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้ากราบพระองค์ท่านใกล้ๆ ตนมีอาชีพทำไร่มานาน ปลูกผัก ผลไม้ รวมถึงปลูกข้าว โดยแต่ก่อนปลูกข้าวขาวไม่ค่อยมีราคา แต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี ประทานพันธุ์ข้าวไรซ์เบอร์รี และได้ทดลองปลูก ช่วยสร้างรายได้มากขึ้น ส่วนตนเองสุขภาพดีขึ้นด้วยจากการกินข้าวไรซ์เบอร์รี รู้สึกได้ว่าโรคเหน็บชาหายไป
นางอำนวย กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำการเกษตรตนได้น้อมนำเรื่องการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ในกรอบแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ โดยตนได้แบบพื้นที่ ทั้งปลูกข้าว พืชผสมผสาน และเลี้ยงปลาด้วย โดยข้าวเปลือกพระราชทานที่ได้รับจะนำไปแบ่งเก็บในยุ้งฉาง บนหิ้งพระ และหว่านในนาข้าวเพื่อความเป็นสิริมงคล
ด้าน นายศุภวัฒน์ ศักดิ์แสนศิลป์ อายุ 38 ปี เดินทางมาพร้อมด้วย นางนภัสภรณ์ ศักดิ์แสนศิลป์ ภรรยา และลูกๆ เด็กชายวชิรวิทย์ - เด็กชายณัฐพนธ์ ศักดิ์แสนศิลป์ จากบ้านเกิดในตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เมื่อเวลา 01.00 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 03.00 น. กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากได้กราบสักการะพระบรมศพ ว่า ปลาบปลื้มใจมาก ส่วนตัวมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว วันนี้จึงอยากพาลูกและภรรยามาเพื่อให้ซึมซับคุณงามความดีของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทุกคนจึงตั้งใจมาด้วยรักและศรัทธา
“คนเฒ่าคนแก่แถวบ้านเล่าให้ฟังว่า ประมาณ 30 ปีก่อน พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กับพระราชินี เสด็จฯ มาประกอบพระราชกรณียกิจที่วัดแสนสุขราชวราราม แล้วทรงเข้าไปหลบแดดที่ศาลาหลังหนึ่งภายในวัด พระและชาวบ้านจึงช่วยกันดูแลศาลาหลังนี้เป็นอย่างดี แม้จะเก่ามากก็ไม่ให้รื้อ เก็บไว้เพื่อเป็นสิริมงคลกับหมู่บ้าน สำหรับผมในหลวงทรงเป็นที่ 1 ในใจเสมอ เกิดมาก็ได้เห็นท่านทรงงานหลายๆ เรื่อง ทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ท่านสอนให้ได้รู้จักการใช้ชีวิต เรียนรู้จากธรรมชาติตามปรัชญาของท่านที่ให้ไว้ ครอบครัวทำธุรกิจห้องพักให้เช่าแบบเกสต์เฮาส์มากว่า 10 ปี ก็นำคำสอนของท่านเรื่องความเรียบง่ายมาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการ” ศุภวัฒน์ กล่าว
ด้าน นางธัญลักษณ์ งามวรวุฒิ อายุ 45 ปี ชาวกรุงเทพฯ ที่เดินทางมากับสามี และน้องสะใภ้ เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกในชีวิต บอกว่า เตรียมตัวเป็นอย่างดี ออกจากบ้านพักเขตบางขุนเทียน เมื่อเวลา 01.00 น. มาถึงบริเวณสนามหลวงในเวลา 02.00 น. แล้วเข้าแถวรอเวลา 05.30 น. เห็นผู้คนมารอเป็นจำนวนมาก รู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาไหล ยิ่งตอนเข้ากราบพระบรมศพยิ่งใจหายน้ำตาไหลมาอีกโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้ ได้เดินทางมาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ที่สนามหลวง รักในหลวงมาก ทุกครั้งที่มาร่วมแสดงความจงรักภักดีไม่รู้สึกเบื่อ หรือเหนื่อยเลย อยากมาอีกเรื่อยๆ แค่นี้ยังเทียบไม่ได้เลยกับที่พระองค์ทรงลำบากตรากตรำทำงานเพื่อพวกเรา นับจากนี้จะสอนลูกให้เดินตามคำสอนของท่าน โดยเฉพาะความมัธยัสถ์รู้จักใช้เงิน ในหลวง รัชกาลที่ ๙ อยากได้อะไรก็ทรงเก็บเงินซื้อเอง ลูกต้องเรียนรู้และทำให้ได้เหมือนท่าน ส่วนตัวตั้งใจสวมชุดดำไว้ทุกข์จนถึงปีหน้า นอกจากนี้สามียังทำจี้พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้ทุกคนในบ้านได้ห้อยคอเป็นที่ระลึกอีกด้วย รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เกิดมาในรัชสมัยของพระองค์ท่าน
ด้าน สำนักพระราชวัง ได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.56 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 55,908 คน รวม 57 วัน มี 2,349,038 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,556,125 บาท รวม 57 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 186,958,187.25 บาท
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้แจ้งเวลาปรับเปลี่ยนการเข้าชมห้องนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ที่ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน และนิทรรศการถาวร ของพระมหากษัตริย์ของราชวงศ์จักรี ว่าจะเปิดทำการทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 15.30 น. ปิดทำการทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์