ประชาชนจากทุกสารทิศใช้โอกาสในวันหยุดทยอยเดินทางมาต่อแถวพร้อมครอบครัว ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด บางส่วนเป็นประชาชนที่มาปักหลักค้างคืนรอที่สนามหลวงและตามจุดบริการที่พักชั่วคราวต่างๆ โดยวันนี้สำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบถวายสักการะตั้งแต่เวลา 04.50 น. จากเวลาปกติเปิดเวลา 08.00 น. เพื่อให้พสกนิกรทุกเพศทุกวัยจากทั่วทุกสารทิศ ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ
วันนี้ (25 ธ.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 55 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำนักพระราชวัง เปิดประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากปกติเปิดเวลา 08.00 น. เพื่อให้พสกนิกรทุกเพศทุกวัยจากทั่วทุกสารทิศ ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ซึ่งพสกนิกรต่างสวมใส่ชุดดำไว้ทุกข์เข้าแถวรออย่างเป็นระเบียบด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ประชาชนเป็นที่ระลึก
ด้าน นางอรวรรณ บรรจงเกลี้ยง มาพร้อมครอบครัวจากจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ออกเดินทางมาตั้งแต่ 01.00 น. แล้วมาจอดรถที่โรงพยาบาลมิชชั่น ก่อนนั่งแท็กซี่ต่อมายังบริเวณสนามหลวงในเวลา 03.00 น. ตอนนั้นคนรอเยอะมาก แม้ติดตามข่าวมาโดยตลอดว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีคนมากราบสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่หวั่น อีกทั้งไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะเตรียมพร้อมกันอยู่แล้ว และตั้งใจจะมา กราบพระองค์ท่านก่อนวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากเราเกิดในรัชกาลของท่่านจึงอยากให้เป็นปีเดียวกับที่พระองค์เสด็จสวรรคต และเพื่อความเป็นสิริมงคล
ทั้งนี้ ด้วยเราได้ยินได้ฟังข่าวในพระราชสำนักที่พระองค์เสด็จฯไปยังถิ่นทุรกันดารมาตั้งแต่เด็ก เห็นท่านทรงงานช่วยเหลือชาวเขา ฟื้นฟูป่าไม้ และตอนที่ยังอาศัยอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เคยได้รับเสด็จฯในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระราชินี เมื่อครั้งเสด็จแปรพระราชฐานมาช่วยเหลือชาวมุสลิมยัง 4 จังหวัดภาคใต้ในช่วงฤดูฝนเป็นประจำทุกปี จึงรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ รวมถึงคำสอนของท่านสามารถนำมาใช้ในชีวิตเราได้ทุกข้อ เช่น การทำความดี พออยู่พอกินใช้เท่าที่มีกำลัง และไม่ฟุ่มเฟือย
ขณะที่ลูกสาว นางสาวธมลวรรณ บรรจงเกลี้ยง เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เผยว่า คุณพ่อคุณแม่เล่าเรื่องราว พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านมาโดยตลอด แต่ที่สนใจมากที่สุดเป็นเรื่องของดนตรี ที่ทรงเล่นและแต่งบทเพลงไว้มากมาย เพราะตนก็เล่นกีต้าร์เช่นกัน ได้นำบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระองค์มาหัดเล่น เห็นได้ว่า ทรงมีพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่ง ทรงมีความพยายามและอุตสาหะ การที่จะเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ทรงผ่านปัญหาอุปสรรคมากมาย ทรงต้องเจอความท้าทายในการปกครองและพัฒนาประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่ทรงปฏิบัติอย่างเดียว แต่ทรงปกครองด้วยความมีคุณธรรมด้วย เราจึงได้น้อมนำสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้เห็นมาเป็นแบบอย่างการใช้ชีวิต
ด้าน นางสาวพิมพ์นารา อาทรพานิชย์เจริญ พร้อมด้วย นางสาวฐานวีร์ เหลืองมหามงคล นางกนกวรรณ แจ่มคล้าย และ นางสาววิมษ์วิภา เหลืองมหามงคล ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการ เล่าให้ฟังว่า เนื่องจากได้ทราบข่าวเกี่ยวกับจำนวนประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะ ดังนั้น ก่อนเดินทางมาได้เตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบการเข้าแถวเอาไว้บ้าง กระนั้นก็ยังแอบงงกับระบบของเจ้าหน้าที่เล็กน้อย แต่ทั้งนี้กลุ่มของตนเองเลือกช่วงเวลาให้มาถึงที่สนามหลวงตอนเวลาตีหนึ่ง แล้วนั่งคอยจนถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่เปิดให้เข้าจุด กระทั่งได้ขึ้นไปบนพระนั่งดุสิตมหาปราสาทในช่วงเวลา 09.00 น. สร้างความปลื้มปีติและรู้สึกคิดถึงในหลวง รัชกาลที่ ๙ มากๆ
“พวกเราเดินทางมาด้วยความตั้งใจมาก ถามว่า เหนื่อยมั้ยที่ต้องอดนอนไม่ถึงกับเหนื่อยแต่ยอมรับว่าพอเจอกับคนเรื่องเยอะๆ และระบบเส้นทางที่อ้อมเกินความจำเป็นก็รู้สึกเพลียใจเล็กๆ เหมือนกัน แต่เมื่อได้กราบสักการะพระบรมศพแล้ว จิตใจปลอดโปร่งขึ้น ทั้งนี้ โดยส่วนตัวได้น้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เรื่องการมีระเบียบวินัย มาใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญหากขาดคุณสมบัติในข้อนี้ไปย่อมไม่ดีแน่ๆ” น.ส.พิมพ์นารา กล่าว