ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมกราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (24 ธ.ค.) บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท นั้น เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูร ต่อการสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต
นายบุญเลิศ อ่ำทับ อายุ 69 ปี ชาวจังหวัดราชบุรี เดินทางพร้อมครอบครัวตั้งแต่เที่ยงคืน วานนี้ และมาเข้าแถวช่วงเวลา 02.00 น. เผยว่า ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ตอนทำงานอยู่กรมชลประทานที่ จ.กาญจนบุรี เคยเฝ้ารับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เมื่อครั้งเสด็จฯวางศิลาฤกษ์เขื่อนวชิราลงกรณ หรือ เขื่อนเขาแหลม อีกทั้งเมื่อตอนเป็นทหารสังกัดกองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จ.เพชรบุรี ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ขณะที่พระองค์เสด็จฯ ยังวังไกลกังวล ได้ชื่นชมพระบารมี ถือเป็นบุญของตน ครั้งนี้จึงตั้งใจมาด้วยความรัก คิดถึงและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
“ตอนที่มาถึงบริเวณสนามหลวงเห็นประชาชนมารอเข้าแถวกันเป็นจำนวนมาก รู้สึกดีใจและเป็นปลื้มที่เห็นประชาชนคนไทยรักพระองค์มากมายขนาดนี้ แม้ตอนนี้ท่านไม่อยู่กับพวกเราแล้ว เราก็ได้น้อมนำคำสอนมาใช้พร้อมบอกต่อลูกหลาน ทั้งเรื่องของความประหยัด อดทน และความเพียร รวมถึงการไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข โดยลูกสาวประกอบอาชีพครูก็ได้นำสิ่งเหล่านี้ไปสั่งสอนลูกศิษย์ต่อผ่านการเล่าพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ให้เด็กรุ่นใหม่ได้ฟังและนำไปปฏิบัติ”
ด้าน นางศรัณยา รักเสรี อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยสามี นายวิบูลย์ รักเสรี ลูกๆ นายศรันย์ - นายศรุต รักเสรี และ น.ส.รริลศศิยา ภัทรเศรษฐศิริ เพื่อนของลูก กล่าวว่า ออกเดินทางจากบ้านพักตอนตี 1 มาถึงบริเวณท้องสนามหลวงเวลาตี 2 กว่าๆ และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพในเวลา 9 โมงเช้า รู้สึกเป็นบุญที่ได้สักการะพระบรมศพ พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของประชาชน รักพระองค์ท่านมาก เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์มาตั้งแต่เล็กๆ วันนี้อยากให้ลูกซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้มาเห็นพระบารมีของท่านเป็นครั้งสุดท้าย
“ได้มาเห็นความรักของประชาชนที่มีต่อพระองค์ท่านแล้วก็ตื้นตันใจ ทรงเป็นเหมือนพ่อของเราจริงๆ ทุกปีในวันที่ 4 ธันวาคม ลูกๆ คนไทยทุกคนต้องมานั่งรอหน้าจอทีวีเพื่อฟังพระบรมราโชวาทของท่าน เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ท่านมีแนวคำสอนพระราชทานมากมาย ตอนเด็กๆ อาจจะไม่ค่อยเข้าใจพอโตขึ้นมาถึงเข้าใจ มีโอกาสก็จะนำมาสอนลูกๆ ต่อ ลูกผู้ชายบางทีอาจจะสอนยาก ก็พยายามชี้ให้เห็นภาพ โดยเฉพาะคำสอนเรื่องความอดทน ทำอะไรทุกเรื่องไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า ขอให้มีความอดทน รู้จักรอ และพยายามให้ถึงที่สุด อย่างวันนี้เขาก็ได้เรียนรู้การรอคอยอย่างอดทน พอไม่มีท่านแล้วก็ไม่รู้สึกว่าอะไรขาดหายไปเพราะท่านจะอยู่ในใจเราตลอดไป” นางศรัณยา กล่าว
ด้านลูกชายคนเล็ก นายศรุต รักเสรี อายุ 14 ปี เผยว่า เกิดไม่ทันช่วงที่ในหลวง ร.๙ เสด็จฯ ทรงงานทั่วประเทศ แต่รู้จักและซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณผ่านปฏิทิน รูปภาพ และสื่อต่างๆ ขณะเดียวกัน ทางโรงเรียนก็ปลูกฝังเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆ เช่น โครงการแก้มลิง แกล้งดิน กังหันชัยพัฒนา รู้สึกว่าท่านเป็นคนที่มีความสามารถมากมายหลายด้านจริงๆ ทำทุกอย่างด้วยความอดทน ตัวเองจึงนำความอดทนพยายามนี้มาใช้ในการเรียนและชีวิตประจำวัน