พสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศ ร่วมถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 37 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
วันนี้ (6 ธ.ค.) เป็นวันที่ 37 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี อย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 04.45 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมายังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งจากกรุงเทพฯ และจากต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศอย่างเนืองแน่น ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
น.ส.สายศรี วงศ์จรรยากุล อายุ 70 ปี ประชาสัมพันธ์ห้องสมุดแห่งหนึ่ง จากเมืองแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มาพร้อมสามี นายโรเบิร์ต แมคคอร์มิก เจ้าหน้าที่ดูแลเด็กพิเศษ ตั้งใจเดินทางจากประเทศสหรัฐอเมริกา มาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จฯขบวนเคลื่อนพระบรมศพ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2559 รวมทั้งมาลงนามถวายสักการะและร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ท้องสนามหลวง
น.ส.สายศรี ได้เป็นล่ามแปลความรู้สึกของสามีชาวอเมริกัน ว่า การถวายสักการะพระบรมศพในวันนี้ ถือเป็นการให้เกียรติกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งอุทิศพระวรกายเพื่อพัฒนาประเทศไทยอย่างมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ไม่ได้ช่วยเหลือแต่คนรวย แต่ช่วยคนยากจนให้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก แม้เป็นชาวต่างชาติแต่ได้ติดตามข่าวสารการทรงงานจากพระราชกรณียกิจต่างๆ ยิ่งประทับใจในตัวกษัตริย์พระองค์นี้ ซึ่งแตกต่างจากผู้นำของประเทศอื่นๆ
"ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานหนักเพื่อประชาชน ทรงเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ไม่เฉพาะพระองค์เท่านั้น แต่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท อุทิศพระวรกายทำงานเพื่อคนไทย เพื่อประเทศชาติ” นายโรเบิร์ต กล่าว
ด้าน น.ส.สายศรี กล่าวเสริมว่า ดิฉันรักในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาก ตั้งปณิธานเลยว่า ก่อนตายจะต้องมาสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่ง ดังนั้น ระยะทางที่ห่างไกลจึงไม่เป็นอุปสรรค ยิ่งเห็นประชาชนมากันอย่างล้นหลามยิ่งสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ วันที่พระองค์เสด็จสวรรคตครอบครัวเราได้แต่งชุดสีด ำเพื่อเป็นการไว้ทุกข์และตั้งใจจะสวมชุดสีดำกระทั่งถึงพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพ
ขณะที่ นางอัจฉรา จาดภักดี อายุ 46 ปี ที่ยังกล่าวพร้อมน้ำตาว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้เข้ามาสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่งในชีวิต เตรียมใจว่าอาจจะต้องรอนาน แต่เมื่อมาจริงก็ได้รับการอำนวยความสะดวกดีมาก ตั้งแต่ทราบข่าวในหลวง รัชกาลที่ ๙ สวรรคต ก็ยังคงร้องไห้มีน้ำตาทุกๆ วัน จึงต้องใช้หลักธรรมะ ซึ่งตนเองปฏิบัติธรรมเป็นประจำอยู่แล้วมายึดใช้ในชีวิต เข้มแข็งและปล่อยวาง โดยยึดคำสอนเรื่องความพอเพียง ประหยัด และเอื้ออาทรแก่เพื่อนมนุษย์ต่อไป
ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.05 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 35,943 คน รวม 37 วัน มี 1,316,302 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงินยอดเงิน 3,031,146.50 บาท รวม 37 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 101,533,747.50 บาท