ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาต่อคิวตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 5 ธันวาคม 2559 ที่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ด้านชาวมอญอาศัยในกรุงเทพฯ มากว่า 16 ปี เผย ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
วันนี้ (5 ธ.ค.) เป็นวันที่สามสิบหก ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิว เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี อย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 04.45 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งจากกรุงเทพฯ และจากต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศอย่างเนืองแน่น ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ด้าน นางสาวเบน อายุ 30 ปี ชาวมอญซึ่งเดินทางจากประเทศพม่า เข้ามาทางแม่สอด จังหวัดตาก มาอาศัยย่านมีนบุรี กรุงเทพฯ นับ 16 ปี ซึ่งเดินทางมาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมสามี และเพื่อนๆ ชาวมอญ กล่าวว่า อยู่เมืองไทยมานาน ทำให้รู้สึกทุกๆ อย่างเหมือนกับที่คนไทยคนหนึ่งจะรู้สึก และรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาก เพราะสมัยก่อนตอนอยู่พม่า ชีวิตลำบากมาก แต่เมื่อได้อยู่เมืองไทยก็มีอาชีพ รับจ้างรีดผ้าบ้าง วันนี้จึงเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ 03.30 น. เพื่อมากราบพระองค์ครั้งสุดท้าย เป็นการส่งเสด็จและแสดงความรักแด่พระองค์ จากที่เคยได้เห็นพระองค์ประกอบพระราชกรณียกิจเพียงแต่ในโทรทัศน์เท่านั้น
ด้าน นายศักดา เพชรรักษ์ อายุ 53 ปี ซึ่งเดินทางมาสักการะเป็นครั้งที่ 3 กับภรรยา นางสมร เพชรรักษ์อายุ 56 ปี ซึ่งเดินทางมาเป็นครั้งที่ 9 แล้ว กล่าวร่วมกันว่า ดีใจที่ได้มาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 5 ธันวาคม พอดี ที่ผ่านมา ก่อนพระองค์จะสวรรคตก็มักไปนั่งที่ลานพระบิดา สวดมนต์ขอพรให้พระองค์เสมอ เมื่อสวรรคตแล้วก็มารอรับเคลื่อนขบวนพระบรมศพ ลงนามถวายความอาลัยที่ศาลาสหทัยสมาคม รวมถึงมาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ในวันแรกที่เปิด รวมทั้งมาฟังสวดพระอภิธรรมหน้าพระบรมมหาราชวังหน้าประตูวัง และแจกสิ่งของ อาหารแก่ประชาชน ก็ด้วยใจที่อยากจะแสดงความรักแด่พระองค์ ถือเป็นความสุขที่ได้ทำเพื่อคนอื่น เหมือนที่พ่อหลวงได้ทรงทำเพื่อคนไทยทุกคน และจะยึดพอเพียง ทำความดี มีเมตตาให้กับเพื่อนมนุษย์ สานต่อความดีที่พ่อสร้างไว้ให้เรา
ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.10 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 42,884 คน รวม 36 วัน มี 1,280,359 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงินยอดเงิน 3,606,306.25 บาท รวม 36 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 98,502,601 บาท