ประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หลั่งไหลเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่หวั่นแม้แดดร้อน ด้านเจ้าหน้าที่คอยบริการร่ม ยาดม น้ำดื่ม อาหาร อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (23 ธ.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 55 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำนักพระราชวัง เปิดประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากปกติเปิดเวลา 08.00 น. เพื่อให้พสกนิกรทุกเพศทุกวัยจากทั่วทุกสารทิศ ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ซึ่งพสกนิกรต่างสวมใส่ชุดดำไว้ทุกข์เข้าแถวรออย่างเป็นระเบียบด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ประชาชนเป็นที่ระลึก
ด้าน นางสาวจุติกาญจน์ สุขเกษม นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เผยว่า มารอต่อแถวตั้วแต่ 04.00 น. พร้อมเพื่อนชุมนุมนักลงทุนรุ่นใหม่และอาจารย์รวม 44 คน ก่อนหน้านี่ ได้มาอบรมวิชาการที่กรุงเทพฯ และวางแผนจะเข้ามาสักการะพระบรมศพในวันนี้ จากนั้นจะแวะชมนิทรรศการนิทรรศรัตนโกสินทร์ ก่อนกลับ จังหวัดสงขลา
“ไม่เหนื่อย และตื้นตันใจมากๆ ก่อนหน้านี้เราตามข่าวมาแล้วรู้ว่าต้องรอนาน แต่ไม่รู้สึกบั่นทอนความตั้งใจ โดยเตรียมร่างกายให้พร้อม และต้องอดทนเพื่อให้ได้เข้าไปกราบพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต แม้เป็นเด็กรุ่นใหม่ไม่ทันเห็นพระองค์ท่านทรงงานตามที่ต่างๆ แต่ที่มหาวิทยาลัยก็มีโครงการผลิตไบโอดีเซล ที่พระองค์เคยรับสั่งให้จัดทำในมหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีการสานต่อโครงการอย่างต่อเนื่องเปิดให้ นักศึกษาเข้าไปดูงานอยู่บ่อยๆ ยังมีโครงการอื่นที่เราได้ทราบมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นได้ว่า ทรงเป็นแบบของคนขยัน อดออม และแบ่งปัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อมนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนนี้ที่บ้านเริ่มปลูกผักกันเล็กน้อยๆ แต่ก็พอได้ผลผลิตมาทำกับข้าว แบ่งปันแลกเปลี่ยนกับเพื่อนบ้านได้บ้าง เป็นชีวิตวิถีพอเพียงที่เริ่มทำได้ง่ายๆ และได้ผลดี” นักศึกษาสาวกล่าว
ด้าน นางสมัย อ่อนสรวง อายุ 65 ปี อาชีพทำนา พสกนิกรจาก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เหมารถตู้เดินทางมาพร้อมญาตและเพื่อนบ้านรวม 11 คน เข้าคิวเพื่อเข้าสักการะตั้งแต่ 03.00 น. และได้เข้ากราบประมาณ 09.00 น. เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่ตนมากรุงเทพฯ ที่เข้ามาเพราะตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ใกล้ๆ เพราะตนรักและคิดถึงพระองค์มาก โดยจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ที่สำนักพระราชวังให้ไปกราบไว้และบูชาที่บ้านต่อไป
นางสมัย กล่าวด้วยว่า ภูมิใจที่เราได้อยู่ในช่วงรัชกาลที่ ๙ เมื่อได้เข้ากราบเป็นความรู้สึกที่ปลาบปลื้มใจจริงๆ พระองค์เสมือนพ่อของเรา ดูแลลูกๆ ทุกคน ที่แม้จะอยู่ไกลในถิ่นทุรกันดารขนาดไหน น้ำพระทัยของพระองค์ก็ไปถึง กลับไปบ้านจะไปบอกเล่าให้กับเพื่อนบ้านฟังถึงความปลาบปลื้มใจครั้งนี้ และหากมีโอกาสจะเดินทางมากราบสักการะอีก
นางเลี่ยน ศรีทองสม อดีตลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งเกิด พ.ศ. 2460 สมัยรัชกาลที่ ๖ ปัจจุบันอายุ 99 ปี 8 เดือน บุคคล 5 แผ่นดิน ชาวระนอง เดินทางพร้อมลูกหลานรวม 10 คน มาต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะตั้งแต่ 03.00 น. กล่าวด้วยนำเสียงที่ไม่มีร่องรอยความเหนื่อยล้า ว่า รู้สึกตื้นตันใจและภูมิใจที่ได้มากกราบสักการะในหลว งรัชกาลที่ ๙ เมื่อรู้ว่าลูกหลานจะพามาก็ดีใจมาก เพราะแก่แล้วเดินหรือยืนนานไม่ไหว
“สมัยที่ยายเป็นลูกเสือชาวบ้าน เคยรับเสด็จฯและได้ชื่นชมพระบารมีในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลายครั้งในระหว่างที่เสด็จมาที่ระนองและพื้นที่ใกล้เคียง เห็นพระองค์ท่านทรงงานหนัก เดินทางไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่คนไทยดีขึ้น มีลูกหลานยายก็สอนให้ยึดในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นแบบอย่างอดทน และประหยัด” ยาย 5 แผ่นดิน เล่า
ขณะที่ นางทิพย์มณฑา หล่อวิทยา อายุ 65 ปี อดีตครูโรงเรียนวัดหาดส้มแป้น ลูกสาวคนแรกของยายเลี่ยน ที่เดินทางมาพร้อมกัน กล่าวว่า ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงงานหนักตลอด 70 ปีที่พระองค์ครองราชย์ ในฐานะที่เป็นครูก็ได้สอนและบอกเล่าให้นักเรียนรุ่นต่อรุ่น โดยเฉพาะเรื่องความพอเพียง พอดี และการรู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น
ด้าน นางสมพร เจริญพันธุ์ อายุ 83 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่อุบลราชธานี แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่กำแพงเพชร กล่าวว่า ได้รวบรวมเงินกับกลุ่มเพื่อนจ้างรถตู้เพื่อเดินทางมากรุงเทพฯ มาเข้ากราบสักการะในหลวง รัชกาลที่ ๙ ออกเดินทางตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงช่วง 01.00 ได้มารอต่อแถว เมื่อถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้เข้ากราบพระองค์ท่านในพระที่นั่งดุสิต นางสมพรกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า ยายประทับใจและซาบซึ้งใจในทุกอย่างที่ในหลวงทรงทำเพื่อคนไทย รู้สึกเสียใจมากที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต หากแลกกันได้กับชีวิตยายก็อยากจะแลกเพื่อให้ท่านได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนไทยต่อไป ครั้งนี้มากราบในหลวง รัชกาลที่ ๙ ครั้งแรก ตั้งใจที่จะมากราบพระองค์ท่านอีกหลายๆ ครั้ง เดิมยายตั้งใจที่จะเดินเท้ามายังพระบรมมหาราชวัง เพราะไม่ว่าจะเหนื่อยแต่ก็รู้ว่าไม่เทียบเท่ากับทุกอย่างที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทย