การเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันนี้ (23 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ประชาชนเป็นที่ระลึก
น.ส.จุติกาญจน์ สุขเกษม นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เผยว่ามารอต่อแถวตั้วแต่ตี 4 พร้อมเพื่อนชุมนุมนักลงทุนรุ่นใหม่และอาจารย์รวม 44 คน ก่อนหน้านี้ได้มาอบรมวิชาการที่กรุงเทพฯ และวางแผนจะเข้ามาสักการะพระบรมศพในวันนี้ จากนั้นจะแวะชมนิทรรศการนิทรรศรัตนโกสินทร์ ก่อนกลับ จ. สงขลา
"ไม่เหนื่อย และตื้นตันใจมากๆ ก่อนหน้านี้เราตามข่าวมาแล้วรู้ว่าต้องรอนาน แต่ไม่รู้สึกบั่นทอนความตั้งใจ โดยเตรียมร่างกายให้พร้อม และต้องอดทนเพื่อให้ได้เข้าไปกราบพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต แม้เป็นเด็กรุ่นใหม่ไม่ทันเห็นพระองค์ท่านทรงงานตามที่ต่างๆ แต่ที่มหาวิทยาลัยก็มีโครงการผลิตไบโอดีเซล ที่พระองค์เคยรับสั่งให้จัดทำในมหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีการสานต่อโครงการอย่างต่อเนื่องเปิดให้ นักศึกษาเข้าไปดูงานอยู่บ่อยๆ ยังมีโครงการอื่นที่เราได้ทราบมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นได้ว่าทรงเป็นแบบของคนขยัน อดออม และแบ่งปัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อมนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนนี้ที่บ้านเริ่มปลูกผักกันเล็กน้อยๆ แต่ก็พอได้ผลผลิตมาทำกับข้าว แบ่งปันแลกเปลี่ยนกับเพื่อนบ้านได้บ้าง เป็นชีวิตวิถีพอเพียงที่เริ่มทำได้ง่ายๆ และได้ผลดี " นักศึกษาสาวกล่าว
นางสมัย อ่อนสรวง อายุ 65 ปี อาชีพทำนา พสกนิกรจาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เหมารถตู้เดินทางมาพร้อมญาตและเพื่อนบ้านรวม 11 คน เข้าคิวเพื่อเข้าสักการะตั้งแต่ตี 3 และได้เข้ากราบประมาณ 9 โมงเช้า เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่ตนมากรุงเทพฯ ที่เข้ามาเพราะตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 ใกล้ๆ เพราะตนรักและคิดถึงพระองค์มาก โดยจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ที่สำนักพระราชวังให้ไปกราบไว้และบูชาที่บ้านต่อไป
นางสมัย กล่าวด้วยว่า ภูมิใจที่เราได้อยู่ในช่วงรัชกาลที่ 9 เมื่อได้เข้ากราบเป็นความรู้สึกที่ปลาบปลื้มใจจริงๆ พระองค์เสมือนพ่อของเรา ดูแลลูกๆ ทุกคน ที่แม้จะอยู่ไกลในถิ่นทุรกันดารขนาดไหน น้ำพระทัยของพระองค์ก็ไปถึง กลับไปบ้านจะไปบอกเล่าให้กับเพื่อนบ้านฟังถึงความปลาบปลื้มใจครั้งนี้ และหากมีโอกาสจะเดินทางมากราบสักการะอีก
นางเลี่ยน ศรีทองสม อดีตลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งเกิด พ.ศ. 2460 สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันอายุ 99 ปี 8 เดือน บุคคล 5 แผ่นดิน ชาวระนอง เดินทางพร้อมลูกหลานรวม 10 คน มาต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะตั้งแต่ตี 3 กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีร่องรอยความเหนื่อยล้า ว่า รู้สึกตื้นตันใจและภูมิใจที่ได้มากราบสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อรู้ว่าลูกหลานจะพามาก็ดีใจมาก เพราะแก่แล้ว เดินหรือยืนนานไม่ไหว
"สมัยที่ยายเป็นลูกเสือชาวบ้าน เคยรับเสด็จและได้ชื่นชมพระบารมีในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายครั้งในระหว่างที่เสด็จฯ มาที่ระนองและพื้นที่ใกล้เคียง เห็นพระองค์ท่านทรงงานหนัก เดินทางไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่คนไทยดีขึ้น มีลูกหลานยายก็สอนให้ยึดในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่างอดทน และประหยัด" คุณยาย 5 แผ่นดิน เล่า
ขณะที่นางทิพย์มณฑา หล่อวิทยา อายุ 65 ปี อดีตครูโรงเรียนวัดหาดส้มแป้น ลูกสาวคนแรกของยายเลี่ยน ที่เดินทางมาพร้อมกัน กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงงานหนักตลอด 70 ปีที่พระองค์ครองราชย์ ในฐานะที่เป็นครูก็ได้สอนและบอกเล่าให้นักเรียนรุ่นต่อรุ่น โดยเฉพาะเรื่องความพอเพียง พอดี และการรู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น
นางสมพร เจริญพันธุ์ อายุ 83 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่อุบลราชธานี แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่กำแพงเพชร กล่าวว่า ได้รวบรวมเงินกับกลุ่มเพื่อนจ้างรถตู้เพื่อเดินทางมากรุงเทพฯ มาเข้ากราบสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 ออกเดินทางตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงช่วงตี 1 ได้มารอต่อแถว เมื่อถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้เข้ากราบพระองค์ท่านในพระที่นั่งดุสิต นางสมพรกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า ยายประทับใจและซาบซึ้งใจในทุกอย่างที่ในหลวงทรงทำเพื่อคนไทย รู้สึกเสียใจมากที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต หากแลกกันได้กับชีวิตยาย ก็อยากจะแลกเพื่อให้ท่านได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนไทยต่อไป ครั้งนี้มากราบในหลวงรัชกาลที่ 9 ครั้งแรก ตั้งใจที่จะมากราบพระองค์ท่านอีกหลาย ๆ ครั้ง เดิมยายตั้งใจที่จะเดินเท้ามายังพระบรมมหาราชวัง เพราะแม้ว่าจะเหนื่อย แต่ก็รู้ว่าไม่เทียบเท่ากับทุกอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทย
ทั้งนี้ ในเวลา 10.30 น. คณะผู้บริหาร ข้าราชการและพนักงาน จากกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนายสุรเดช เตียวตระกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เป็นประธาน พร้อมถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ประชาชนเป็นที่ระลึก
น.ส.จุติกาญจน์ สุขเกษม นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เผยว่ามารอต่อแถวตั้วแต่ตี 4 พร้อมเพื่อนชุมนุมนักลงทุนรุ่นใหม่และอาจารย์รวม 44 คน ก่อนหน้านี้ได้มาอบรมวิชาการที่กรุงเทพฯ และวางแผนจะเข้ามาสักการะพระบรมศพในวันนี้ จากนั้นจะแวะชมนิทรรศการนิทรรศรัตนโกสินทร์ ก่อนกลับ จ. สงขลา
"ไม่เหนื่อย และตื้นตันใจมากๆ ก่อนหน้านี้เราตามข่าวมาแล้วรู้ว่าต้องรอนาน แต่ไม่รู้สึกบั่นทอนความตั้งใจ โดยเตรียมร่างกายให้พร้อม และต้องอดทนเพื่อให้ได้เข้าไปกราบพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต แม้เป็นเด็กรุ่นใหม่ไม่ทันเห็นพระองค์ท่านทรงงานตามที่ต่างๆ แต่ที่มหาวิทยาลัยก็มีโครงการผลิตไบโอดีเซล ที่พระองค์เคยรับสั่งให้จัดทำในมหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีการสานต่อโครงการอย่างต่อเนื่องเปิดให้ นักศึกษาเข้าไปดูงานอยู่บ่อยๆ ยังมีโครงการอื่นที่เราได้ทราบมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นได้ว่าทรงเป็นแบบของคนขยัน อดออม และแบ่งปัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อมนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนนี้ที่บ้านเริ่มปลูกผักกันเล็กน้อยๆ แต่ก็พอได้ผลผลิตมาทำกับข้าว แบ่งปันแลกเปลี่ยนกับเพื่อนบ้านได้บ้าง เป็นชีวิตวิถีพอเพียงที่เริ่มทำได้ง่ายๆ และได้ผลดี " นักศึกษาสาวกล่าว
นางสมัย อ่อนสรวง อายุ 65 ปี อาชีพทำนา พสกนิกรจาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เหมารถตู้เดินทางมาพร้อมญาตและเพื่อนบ้านรวม 11 คน เข้าคิวเพื่อเข้าสักการะตั้งแต่ตี 3 และได้เข้ากราบประมาณ 9 โมงเช้า เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่ตนมากรุงเทพฯ ที่เข้ามาเพราะตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 ใกล้ๆ เพราะตนรักและคิดถึงพระองค์มาก โดยจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ที่สำนักพระราชวังให้ไปกราบไว้และบูชาที่บ้านต่อไป
นางสมัย กล่าวด้วยว่า ภูมิใจที่เราได้อยู่ในช่วงรัชกาลที่ 9 เมื่อได้เข้ากราบเป็นความรู้สึกที่ปลาบปลื้มใจจริงๆ พระองค์เสมือนพ่อของเรา ดูแลลูกๆ ทุกคน ที่แม้จะอยู่ไกลในถิ่นทุรกันดารขนาดไหน น้ำพระทัยของพระองค์ก็ไปถึง กลับไปบ้านจะไปบอกเล่าให้กับเพื่อนบ้านฟังถึงความปลาบปลื้มใจครั้งนี้ และหากมีโอกาสจะเดินทางมากราบสักการะอีก
นางเลี่ยน ศรีทองสม อดีตลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งเกิด พ.ศ. 2460 สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันอายุ 99 ปี 8 เดือน บุคคล 5 แผ่นดิน ชาวระนอง เดินทางพร้อมลูกหลานรวม 10 คน มาต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะตั้งแต่ตี 3 กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีร่องรอยความเหนื่อยล้า ว่า รู้สึกตื้นตันใจและภูมิใจที่ได้มากราบสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อรู้ว่าลูกหลานจะพามาก็ดีใจมาก เพราะแก่แล้ว เดินหรือยืนนานไม่ไหว
"สมัยที่ยายเป็นลูกเสือชาวบ้าน เคยรับเสด็จและได้ชื่นชมพระบารมีในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายครั้งในระหว่างที่เสด็จฯ มาที่ระนองและพื้นที่ใกล้เคียง เห็นพระองค์ท่านทรงงานหนัก เดินทางไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่คนไทยดีขึ้น มีลูกหลานยายก็สอนให้ยึดในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่างอดทน และประหยัด" คุณยาย 5 แผ่นดิน เล่า
ขณะที่นางทิพย์มณฑา หล่อวิทยา อายุ 65 ปี อดีตครูโรงเรียนวัดหาดส้มแป้น ลูกสาวคนแรกของยายเลี่ยน ที่เดินทางมาพร้อมกัน กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงงานหนักตลอด 70 ปีที่พระองค์ครองราชย์ ในฐานะที่เป็นครูก็ได้สอนและบอกเล่าให้นักเรียนรุ่นต่อรุ่น โดยเฉพาะเรื่องความพอเพียง พอดี และการรู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น
นางสมพร เจริญพันธุ์ อายุ 83 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่อุบลราชธานี แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่กำแพงเพชร กล่าวว่า ได้รวบรวมเงินกับกลุ่มเพื่อนจ้างรถตู้เพื่อเดินทางมากรุงเทพฯ มาเข้ากราบสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 ออกเดินทางตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงช่วงตี 1 ได้มารอต่อแถว เมื่อถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้เข้ากราบพระองค์ท่านในพระที่นั่งดุสิต นางสมพรกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า ยายประทับใจและซาบซึ้งใจในทุกอย่างที่ในหลวงทรงทำเพื่อคนไทย รู้สึกเสียใจมากที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต หากแลกกันได้กับชีวิตยาย ก็อยากจะแลกเพื่อให้ท่านได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนไทยต่อไป ครั้งนี้มากราบในหลวงรัชกาลที่ 9 ครั้งแรก ตั้งใจที่จะมากราบพระองค์ท่านอีกหลาย ๆ ครั้ง เดิมยายตั้งใจที่จะเดินเท้ามายังพระบรมมหาราชวัง เพราะแม้ว่าจะเหนื่อย แต่ก็รู้ว่าไม่เทียบเท่ากับทุกอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทย
ทั้งนี้ ในเวลา 10.30 น. คณะผู้บริหาร ข้าราชการและพนักงาน จากกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนายสุรเดช เตียวตระกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เป็นประธาน พร้อมถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม