xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรเดินทางเข้ากราบพระบรมศพในหลวง ร.๙ อย่างไม่ขาดสาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พสกนิกรจากทุกทั่วสารทิศ เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ อย่างไม่ขาดสาย ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

วันนี้ (12 ธ.ค.) บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 43 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าตั้งแต่เวลา 04.50 น.

พสกนิกรจำนวนมาก พร้อมใจสวมใส่ชุดดำไว้ทุกข์ เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศทั้งจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่ใช้โอกาสช่วงวันหยุดยาวพากันมาเป็นหมู่คณะและครอบครัว ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

นายจรัญ วงศ์ทิพย์บุญทา อายุ 34 ปี ชาวกะเหรี่ยงจากบ้านห้วยม่วงฝั่งใต้ ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนพร้อมคนหมู่บ้านรวม 50 คน ตั้งใจเดินทางมาสักการะต่อเบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยช่วยกันออกค่าใช้จ่ายเหมารถทัวร์กันมาเอง ออกจากหมู่บ้านประมาณ 14.00 น. และมาถึงท้องสนามหลวงช่วงตี 4 กระทั่งได้ถวายสักการะเสร็จประมาณ 08.30 น. พวกเราไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะทุกคนรักพ่อหลวง พระองค์ท่านได้ช่วยพัฒนาให้หมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

"สมัยก่อนหมู่บ้านพวกเราไม่มีน้ำ ประสบภัยแล้ง ทำได้แค่ปลูกถั่วดินและพริก ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก จากนั้นเมื่อพระองค์เสด็จมาเยี่ยมพสกนิกร ทำให้เกิดโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยม่วง ทำให้พวกเราสามารถทำสวนปลูกลำไย สร้างรายได้ให้แก่หมู่บ้านได้อย่างเพียงพอ ขณะที่พวกผู้หญิงได้ทำหัตถกรรมในศูนย์ศิลปาชีพ เช่น ทอผ้า งานแกะสลัก ซึ่งไม่ใช่แค่หมู่บ้านของพวกเราเท่านั้น แต่พระองค์ท่านยังเสด็จไปยังถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกๆ ของพระองค์ท่านได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เสมือนพระราชทานชีวิตใหม่ให้แก่พวกเรา" ชาวกะเหรี่ยง กล่าวอย่างซาบซึ้ง

นายจรัญ กล่าวอีกว่า พวกเราจะร่วมกันปกป้องทรัพยากรของชาติ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า และร่วมกันฟื้นฟูป่า เพื่อทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดินให้กับสังคมและประเทศสืบไป

ส่วนนางวานี จงรัก อายุ 36 ปี ชาวกะเหรี่ยงพื้นราบ กล่าวว่า ได้เดินทางมาจากหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ด้วยการลงขันคนละ 1,000 บาท เหมารถทัวร์ตั้งแต่เมื่อคืนวาน สำหรับความรู้สึกที่ได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพในวันนี้ ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ เพราะถ้าหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้ายไม่มีพระองค์ท่านที่ได้เสด็จฯ มาในครั้งนั้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว วันนี้คงไม่มีถนนลาดยาง ไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำ ลำห้วยที่พระองค์มีแนวทางพระราชดำริพัฒนาคุณภาพชีวิตพวกเราชาวกะเหรี่ยง และพวกเราอาจจะไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ ทั้งนี้ พระองค์ยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ทำสวนลำไยได้ รวมถึงมีโครงการทอผ้ากี่ของพระราชินี ซึ่งเป็นการทอผ้าพื้นเมืองให้ส่งออกไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้



















































































กำลังโหลดความคิดเห็น