บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 43 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ บรพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าตั้งแต่เวลา 04.50 น. พสกนิกรจำนวนมากพร้อมใจสวมใส่ชุดดำไว้ทุกข์ เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศทั้งจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่ใช้โอกาสช่วงวันหยุดยาวพากันมาเป็นหมู่คณะและครอบครัว
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5x7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
นายจรัญ วงศ์ทิพย์บุญทา อายุ 34 ปี ชาวกะเหรี่ยงจากบ้านห้วยม่วงฝั่งใต้ ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนพร้อมคนหมู่บ้านรวม 50 คน ตั้งใจเดินทางมาสักการะต่อเบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยช่วยกันออกค่าใช้จ่ายเหมารถทัวร์กันมาเอง ออกจากหมู่บ้านประมาณ 14.00 น. และมาถึงท้องสนามหลวงช่วงตี 4 กระทั่งได้ถวายสักการะเสร็จประมาณ 08.30 น. พวกเราไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะทุกคนรักพ่อหลวง พระองค์ท่านได้ช่วยพัฒนาให้หมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายจรัญ กล่าวอีกว่า พวกเราจะร่วมกันปกป้องทรัพยากรของชาติ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า และร่วมกันฟื้นฟูป่า เพื่อทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดินให้กับสังคมและประเทศสืบไป
ส่วนนางวานี จงรัก อายุ 36 ปี ชาวกะเหรี่ยงพื้นราบ กล่าวว่า ได้เดินทางมาจากหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ด้วยการลงขันคนละ 1,000 บาท เหมารถทัวร์ตั้งแต่เมื่อคืนวาน สำหรับความรู้สึกที่ได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพในวันนี้ ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ เพราะถ้าหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้ายไม่มีพระองค์ท่านที่ได้เสด็จฯ มาในครั้งนั้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว วันนี้คงไม่มีถนนลาดยาง ไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำ ลำห้วยที่พระองค์มีแนวทางพระราชดำริพัฒนาคุณภาพชีวิตพวกเราชาวกะเหรี่ยง และพวกเราอาจจะไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ ทั้งนี้ พระองค์ยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ทำสวนลำไยได้ รวมถึงมีโครงการทอผ้ากีของพระราชินี ซึ่งเป็นการทอผ้าพื้นเมืองให้ส่งออกไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5x7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
นายจรัญ วงศ์ทิพย์บุญทา อายุ 34 ปี ชาวกะเหรี่ยงจากบ้านห้วยม่วงฝั่งใต้ ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนพร้อมคนหมู่บ้านรวม 50 คน ตั้งใจเดินทางมาสักการะต่อเบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยช่วยกันออกค่าใช้จ่ายเหมารถทัวร์กันมาเอง ออกจากหมู่บ้านประมาณ 14.00 น. และมาถึงท้องสนามหลวงช่วงตี 4 กระทั่งได้ถวายสักการะเสร็จประมาณ 08.30 น. พวกเราไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะทุกคนรักพ่อหลวง พระองค์ท่านได้ช่วยพัฒนาให้หมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายจรัญ กล่าวอีกว่า พวกเราจะร่วมกันปกป้องทรัพยากรของชาติ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า และร่วมกันฟื้นฟูป่า เพื่อทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดินให้กับสังคมและประเทศสืบไป
ส่วนนางวานี จงรัก อายุ 36 ปี ชาวกะเหรี่ยงพื้นราบ กล่าวว่า ได้เดินทางมาจากหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ด้วยการลงขันคนละ 1,000 บาท เหมารถทัวร์ตั้งแต่เมื่อคืนวาน สำหรับความรู้สึกที่ได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพในวันนี้ ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ เพราะถ้าหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้ายไม่มีพระองค์ท่านที่ได้เสด็จฯ มาในครั้งนั้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว วันนี้คงไม่มีถนนลาดยาง ไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำ ลำห้วยที่พระองค์มีแนวทางพระราชดำริพัฒนาคุณภาพชีวิตพวกเราชาวกะเหรี่ยง และพวกเราอาจจะไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ ทั้งนี้ พระองค์ยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ทำสวนลำไยได้ รวมถึงมีโครงการทอผ้ากีของพระราชินี ซึ่งเป็นการทอผ้าพื้นเมืองให้ส่งออกไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้