ประชาชนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลกราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ อย่างเนืองแน่น เผยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 49,464 คน รวม 48 วัน มี 1,873,981 คน
วันนี้ (18 ธ.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 62 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้าน นางสว่าง มั่นใจ อายุ 74 ปี ชาวอำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งเดินทางมาสักการะพระบรมศพจากบ้าน มาถึงกรุงเทพฯ และพักข้างทางตอน 20.00 น. และเข้ามาต่อคิวตอน 05.00 น. กับลูกสาวและเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน 10 คน กล่าวว่า มาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก และมาพระราชวังเป็นครั้งแรกเช่นกัน แม้จะมาแต่เช้า แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย เมื่อก้าวเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว ทุกอย่างดูสวยงาม บรรยากาศก็ทำให้รู้สึกซาบซึ้ง ขนลุก น้ำตาไหลลงมาไม่รู้ตัว คิดถึงพระองค์
“ส่วนตัวไม่เคยได้รับเสด็จฯพระองค์มาก่อน อยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้ไปไหน มีแต่ได้ติดตามพระราชกรณียกิจในโทรทัศน์ เห็นพระองค์ทรงทำงานหนัก ไม่ได้หยุดหย่อน ทั้งขุดคลอง สร้างสะพาน บุกป่าไปที่ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และคำสอนเรื่องประหยัด มัธยัสถ์ ที่เรายึดใช้ตลอดเวลา ส่วนตัวเป็นเกษตรกรปลูกมันขาย ดำรงชีวิตก็ได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงนี้ใช้ เรามีน้อยก็กินน้อย ตอบแทนพระองค์ที่ทำให้ประเทศเราร่มเย็นมาจนทุกวันนี้” นางสว่าง กล่าว
ด้าน เด็กหญิง บุณฑริก เกตุแก้ว อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรีราชา จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ดีใจที่มีบุญได้มาสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่ง ได้ติดตามครอบครัวมาในวันนี้ หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ที่บ้านทุกคนก็เสียใจ ผู้ใหญ่ในครอบครัวก็ร้องไห้ให้เห็นตลอดเวลา เราก็มีโอกาสได้ร่วมแปรอักษรเทิดพระเกียรติพระองค์ และไปเก็บขยะในสวนสาธารณะถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งต่อจากนี้ก็จะขอยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างที่ครูสอน ปลูกผัก ประหยัดต่อไป
ด้าน นางสุวิมล ชินชำนาญ อายุ 36 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัวเปิดร้านมินิมาร์ท ภูมิลำเนาอยู่ จังหวัดกระบี่ เดินทางมาโดยเครื่องบิน พร้อมเพื่อน นางสาวสุธาสินี วงษ์นา อายุ 38 ปี เผยว่า เปิดร้านค้าขายของทุกวันแต่หยุดประจำวันอาทิตย์ จึงมีโอกาสมาวันนี้โดยไม่หวั่นว่าจะมีประชาชนมาเยอะ และต้องต่อแถวรอเป็นเวลานาน จึงจองตั๋วเครื่องบินมาถึงเวลาสองทุ่มของเมื่อวาน ก่อนเดินทางมาถึงสนามหลวงตอนเที่ยงคืน ความตั้งใจแรกอยากมาเดินเล่น เพื่อซึมซับบรรยากาศรอบท้องสนามหลวง แต่เริ่มมีประชาชนมาต่อแถวกันแล้วจึงมาเข้าแถวทันที ทำให้ได้เข้าไปสักการะพระบรมศพตั้งแต่ช่วงเช้า
“พอได้เข้าไปสักการะพระบรมศพ ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทรู้สึกตื้นตันใจ ได้กราบพ่อแล้วจากที่เหนื่อยๆ ก็แทบหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง สมกับความตั้งใจที่ได้มา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกหากมีโอกาสอยากมาสักการะพระบรมศพเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย พระองค์ท่านเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนมามาก เกิดมาก็มีในหลวงรัชกาลที่ ๙ อยู่ในใจแล้ว ตอนเสด็จสวรรคตรู้สึกใจหายมากๆ น้ำตาไหลไม่รู้ตัวแ้เวลาผ่านไปร่วมสองเดือนแล้วยังเศร้าใจไม่หาย แต่จะเปลี่ยนความเศร้าเหล่านั้นมาปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม โดยน้อมนำปรัชาญาด้านเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักดำเนินชีวิต” นางสุวิมลกล่าว
ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 22.35 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 49,464 คน รวม 48 วัน มี 1,873,981 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,514,262.25 บาท รวม 48 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 147,114,287.25 บาท