ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมกราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 61
วันนี้ (17 ธ.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 61 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
นายสมบูรณ์ บัวน้อย อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมาพร้อมครอบครัวมาเข้าแถวตั้งแต่เวลา 02.00 น. กล่าวว่า ตอนมาถึงมีคนมารออยู่แล้วจำนวนมาก แม้เลือกมากราบพระบรมศพในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะลูกๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียนได้มีโอกาสมากราบพระองค์ด้วย แต่ก็ไม่เคยหวั่น เพราะตั้งใจมากราบพระองค์ท่านจริงๆ ทั้งนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงงานเพื่อประชาชนคนไทย สมัยที่ยังเรียนหนังสือที่โรงเรียนตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เคยเฝ้าฯ รับเสด็จฯเมื่อครั้งเสด็จฯ แปรพระราชฐานที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทรงช่วยเหลือชาวบ้านภาคใต้ และเมื่อตนย้ายกลับมาอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี แม้พระองค์ไม่ค่อยได้เสด็จฯมาบ่อยนัก แต่เมื่อทรงเห็นว่าเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งในหน้าฝน ทรงมีพระราชดำริให้สร้างเขื่อนรัชชประภา กักเก็บน้ำในฤดูน้ำหลาก และมีน้ำใช้ในฤดูร้อน ช่วยบรรเทาทุกข์ของชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบไม่ต้องเจอกับน้ำท่วมหนัก พร้อมสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ชาวบ้านด้วย