บรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันนี้ (21 ธ.ค.) สำนักพระราชวัง เปิดประตูวิเศษไชยศรีให้ประชาชนกลุ่มแรกเข้าไปในเวลา 04.45 น. ซึ่งตลอดทั้งวันมีพสกนิกรทุกเพศทุกวัยจากทั่วสารทิศ ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เดินแถวเข้ามารออย่างเรียบร้อย แม้ว่าจะมีแดดร้อนจัดตั้งแต่ในช่วงเช้าไปจรดบ่าย
นายสุรัตน์ นวลศรี ชาวจังหวัดกระบี่ ที่ได้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนบ้านและประชาชนที่ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการอ่างเก็บน้ำบางกำปรัด ในพระราชดำริฯ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนใน จ.กระบี่ ให้มีน้ำใช้ในการเกษตร กว่า 50 คน กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ ได้ลงขันกันเหมารถบัสมา 1 คันรถ ออกเดินทางจาก จ.กระบี่ ตั้งแต่เช้าตรู่วานนี้ มาถึงที่สนามหลวงตอน 04.00 น.ของวันนี้ และได้กราบสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตอน 11 โมงเช้า ซึ่งหลังจากที่ได้สักการะพระบรมศพเสร็จแล้วรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ได้มากราบสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะทั้งชีวิตนี้แม้ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวงเลยก็ตาม แต่พวกตนทุกคนต่างก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ให้มีที่อยู่ที่กินน้ำใช้ในการเกษตรจนถึงทุกวันนี้ เพราะประชาชนทุกคนที่มาล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อชาวกระบี่ ในอดีตที่กระบี่ทั่วทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ขาดน้ำใช้ทางการเกษตร ไม่สามารถปลูกพืชผลได้ แต่พอมีอ่างเก็บน้ำบางกำปรัด ในพระราชดำริฯ ชาวบ้านทุกคนล้วนมีน้ำใช้ทางการเกษตรปลูกพืชผลต่อปี พอมีรายได้มาเลี้ยงชีพและมีเงินส่งลูกหลานเรียนจนจบมหาวิทยาลัย
"พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่ไพศาลเหลือเกิน ทุกวันนี้ที่พวกเราทุกคนลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีในหลวงอีกแล้ว แต่พวกเราทุกคนจะขอน้อมนำพระราชดำริของพระองค์เรื่องความพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไป"
นางเสาวนิตย์ วิจิตรนพคุณ ชาวบางแสน จ.ชลบุรี อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย เดินทางมาพร้อมเพื่อนและชาวบ้านจากบางแสนจำนวน 20 คน โดยรถบัส ตั้งแต่ 02.00 น. ก่อนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 03.50 น. เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกมารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยมาพระบรมมหาราชวังมาก่อน ครั้งนี้จึงตั้งใจมากราบพระบรมศพอีกครั้ง โดยระลึกถึงพระองค์ท่านว่า สิ่งใดที่ทรงทำไว้ตนตั้งใจจะพยายามทำตามให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียง หรือเรื่องของความอดทน อย่างเช่นเมื่อวานตอนแรกอยากซื้อชุดใหม่เพื่อเดินทางมากราบพ่อหลวงโดยเฉพาะ แต่ได้ความพ่อเพียงของพ่อมาช่วยเตือนใจให้ตนคิดได้ว่าตัวเองก็มีชุดอยู่แล้วไม่มีความจำเป็นต้องซื้อใหม่ก็ได้
นอกจากนี้ ตนยังประทับใจพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในทุกด้าน พระราชดำริต่างๆ ของพระองค์ดีมาก เป็นเรื่องที่น้อยคนจะนึกถึง อย่างโครงการแก้มลิง ที่ทรงนำสภาพภูมิประเทศมาปรับใช้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรจากอุทกภัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ตนจึงตั้งใจว่าจะเดินทางมากราบพระบรมศพทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อองค์เหนือหัวของชาวไทย
นางทิพวรรณ รักพรม อายุ 42 ปี อาชีพผู้จัดการโรงแรมดับเบิลยู เล่าว่า ตนเองพร้อมนายอภิชาติ อายุ 37 ปี สามี และบุตร คือ ด.ช.บัญญพนต์ อายุ 9 ปี เดินทางจากบ้านย่านรามอินทรา มาถึงบริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลาตีสอง แล้วเริ่มเข้าแถวตรงจุดกรมรักษาดินแดน กว่าจะได้เข้าสักการะพระบรมศพตอนประมาณเวลา 09.00 น. แม้จะง่วง จะเพลียและหิว แต่เป็นความเหนื่อยแค่ภายนอก เพราะในใจมีความปลาบปลื้มปีติมากกว่า ถึงจะมีโอกาสได้อยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเพียงแค่สองนาที และแม้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะเสด็จสวรรคตไปแล้วก็ตาม ทว่าครอบครัวของตนยังยึดมั่นในคำสอนของพระองค์ ทั้งเรื่องการดำเนินชีวิต การดูแลครอบครัว โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในครอบครัว ถึงจะมีแต่ไม่ใช้เงินเกินตัว หรือใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยในแต่ละวันการใช้เงินจะต้องมีการทำบัญชีให้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังได้น้อมนำคติธรรมที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องการสอนตัวเองว่า ถ้าเราสอนตัวเองได้ดีแล้วจึงจะสามารถสอนคนอื่นได้ ถ้าสอนตัวเองไม่ได้ก็อย่าไปสอนคนอื่น มาใช้สอนลูกชายอีกด้วย
นอกจากนี้ นางทิพวรรณ ยังเล่าย้อนไปถึงความปลื้มปีติตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยเป็นเด็กอายุ 12 ปี เคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา อย่างใกล้ชิด ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปที่อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังเป็นเด็ก คุณพ่อชวนให้ไปด้วยกันก็ไปกับคุณพ่อ ตัวเองยังไม่ทันได้คิดอะไร ครั้นพอเติบโตขึ้นมานี้หวนนึกถึงช่วงเวลานั้นทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง จึงตั้งใจว่าหากมีโอกาส ตนเองจะต้องมาถวายสักการะพระบรมศพอีกแน่นอน
นายสุรัตน์ นวลศรี ชาวจังหวัดกระบี่ ที่ได้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนบ้านและประชาชนที่ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการอ่างเก็บน้ำบางกำปรัด ในพระราชดำริฯ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนใน จ.กระบี่ ให้มีน้ำใช้ในการเกษตร กว่า 50 คน กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ ได้ลงขันกันเหมารถบัสมา 1 คันรถ ออกเดินทางจาก จ.กระบี่ ตั้งแต่เช้าตรู่วานนี้ มาถึงที่สนามหลวงตอน 04.00 น.ของวันนี้ และได้กราบสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตอน 11 โมงเช้า ซึ่งหลังจากที่ได้สักการะพระบรมศพเสร็จแล้วรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ได้มากราบสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะทั้งชีวิตนี้แม้ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวงเลยก็ตาม แต่พวกตนทุกคนต่างก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ให้มีที่อยู่ที่กินน้ำใช้ในการเกษตรจนถึงทุกวันนี้ เพราะประชาชนทุกคนที่มาล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อชาวกระบี่ ในอดีตที่กระบี่ทั่วทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ขาดน้ำใช้ทางการเกษตร ไม่สามารถปลูกพืชผลได้ แต่พอมีอ่างเก็บน้ำบางกำปรัด ในพระราชดำริฯ ชาวบ้านทุกคนล้วนมีน้ำใช้ทางการเกษตรปลูกพืชผลต่อปี พอมีรายได้มาเลี้ยงชีพและมีเงินส่งลูกหลานเรียนจนจบมหาวิทยาลัย
"พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่ไพศาลเหลือเกิน ทุกวันนี้ที่พวกเราทุกคนลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีในหลวงอีกแล้ว แต่พวกเราทุกคนจะขอน้อมนำพระราชดำริของพระองค์เรื่องความพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไป"
นางเสาวนิตย์ วิจิตรนพคุณ ชาวบางแสน จ.ชลบุรี อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย เดินทางมาพร้อมเพื่อนและชาวบ้านจากบางแสนจำนวน 20 คน โดยรถบัส ตั้งแต่ 02.00 น. ก่อนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 03.50 น. เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกมารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยมาพระบรมมหาราชวังมาก่อน ครั้งนี้จึงตั้งใจมากราบพระบรมศพอีกครั้ง โดยระลึกถึงพระองค์ท่านว่า สิ่งใดที่ทรงทำไว้ตนตั้งใจจะพยายามทำตามให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียง หรือเรื่องของความอดทน อย่างเช่นเมื่อวานตอนแรกอยากซื้อชุดใหม่เพื่อเดินทางมากราบพ่อหลวงโดยเฉพาะ แต่ได้ความพ่อเพียงของพ่อมาช่วยเตือนใจให้ตนคิดได้ว่าตัวเองก็มีชุดอยู่แล้วไม่มีความจำเป็นต้องซื้อใหม่ก็ได้
นอกจากนี้ ตนยังประทับใจพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในทุกด้าน พระราชดำริต่างๆ ของพระองค์ดีมาก เป็นเรื่องที่น้อยคนจะนึกถึง อย่างโครงการแก้มลิง ที่ทรงนำสภาพภูมิประเทศมาปรับใช้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรจากอุทกภัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ตนจึงตั้งใจว่าจะเดินทางมากราบพระบรมศพทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อองค์เหนือหัวของชาวไทย
นางทิพวรรณ รักพรม อายุ 42 ปี อาชีพผู้จัดการโรงแรมดับเบิลยู เล่าว่า ตนเองพร้อมนายอภิชาติ อายุ 37 ปี สามี และบุตร คือ ด.ช.บัญญพนต์ อายุ 9 ปี เดินทางจากบ้านย่านรามอินทรา มาถึงบริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลาตีสอง แล้วเริ่มเข้าแถวตรงจุดกรมรักษาดินแดน กว่าจะได้เข้าสักการะพระบรมศพตอนประมาณเวลา 09.00 น. แม้จะง่วง จะเพลียและหิว แต่เป็นความเหนื่อยแค่ภายนอก เพราะในใจมีความปลาบปลื้มปีติมากกว่า ถึงจะมีโอกาสได้อยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเพียงแค่สองนาที และแม้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะเสด็จสวรรคตไปแล้วก็ตาม ทว่าครอบครัวของตนยังยึดมั่นในคำสอนของพระองค์ ทั้งเรื่องการดำเนินชีวิต การดูแลครอบครัว โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในครอบครัว ถึงจะมีแต่ไม่ใช้เงินเกินตัว หรือใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยในแต่ละวันการใช้เงินจะต้องมีการทำบัญชีให้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังได้น้อมนำคติธรรมที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องการสอนตัวเองว่า ถ้าเราสอนตัวเองได้ดีแล้วจึงจะสามารถสอนคนอื่นได้ ถ้าสอนตัวเองไม่ได้ก็อย่าไปสอนคนอื่น มาใช้สอนลูกชายอีกด้วย
นอกจากนี้ นางทิพวรรณ ยังเล่าย้อนไปถึงความปลื้มปีติตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยเป็นเด็กอายุ 12 ปี เคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา อย่างใกล้ชิด ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปที่อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังเป็นเด็ก คุณพ่อชวนให้ไปด้วยกันก็ไปกับคุณพ่อ ตัวเองยังไม่ทันได้คิดอะไร ครั้นพอเติบโตขึ้นมานี้หวนนึกถึงช่วงเวลานั้นทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง จึงตั้งใจว่าหากมีโอกาส ตนเองจะต้องมาถวายสักการะพระบรมศพอีกแน่นอน