พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล คณะกรรมการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย สภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด และ พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงข่าวในพิธีเปิดโครงการสายตรวจประชาชนร่วมด้วยช่วยกัน สร้างสรรค์กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สู่มหานครแห่งความปลอดภัย ณ ห้องประชุมเทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต
โครงการดังกล่าวเป็นการนำอาสาร่วมด้วยช่วยกันทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วยสนับสนุนภารกิจงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มุ่งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลสังคม ปกป้องชุมชนเมือง โดยเฉพาะปัญหาเร่งด่วน
นายบุญชัย กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ ได้จัดอบรมอาสาสมาชิกในโครงการสายตรวจประชาชน เพื่อให้ได้รับความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การสังเกตสิ่งผิดปกติ พฤติกรรมคนร้าย วัตถุบุคคลต้องสงสัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้กับอาสาร่วมด้วยช่วยกันทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 4,500 คน โดยเชื่อว่าจะยังขยายเครือข่ายมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตหากมีการอนุญาตให้ใช้คลื่นวิทยุได้ จะกลับมาทำสถานีวิทยุอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นช่องทางในการประสานกับเครือข่ายต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ต้องการขอความช่วยเหลือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีสายด่วน 191 กทม. สายด่วน 1555 กสทช. สายด่วน 1200 และร่วมด้วยช่วยกันมีสายด่วน 1677 โดยประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือได้ และเครือข่ายทั้งหมดจะประสานการทำงานกัน เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างเร่งด่วนภายในเวลาไม่เกิน 15 นาที
ด้าน พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยให้ร่วมมือกับทุกองค์กร เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งในวันนี้ได้ร่วมกับ 4 องค์กรในโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกรุงเทพมหานคร หากสำเร็จตามเป้าประสงค์ของโครงการ เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มมากขึ้น และทั่วโลกจะชื่นชมการทำงานของคนไทย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือที่มีความสำคัญมาก
โครงการดังกล่าวเป็นการนำอาสาร่วมด้วยช่วยกันทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วยสนับสนุนภารกิจงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มุ่งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลสังคม ปกป้องชุมชนเมือง โดยเฉพาะปัญหาเร่งด่วน
นายบุญชัย กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ ได้จัดอบรมอาสาสมาชิกในโครงการสายตรวจประชาชน เพื่อให้ได้รับความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การสังเกตสิ่งผิดปกติ พฤติกรรมคนร้าย วัตถุบุคคลต้องสงสัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้กับอาสาร่วมด้วยช่วยกันทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 4,500 คน โดยเชื่อว่าจะยังขยายเครือข่ายมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตหากมีการอนุญาตให้ใช้คลื่นวิทยุได้ จะกลับมาทำสถานีวิทยุอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นช่องทางในการประสานกับเครือข่ายต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ต้องการขอความช่วยเหลือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีสายด่วน 191 กทม. สายด่วน 1555 กสทช. สายด่วน 1200 และร่วมด้วยช่วยกันมีสายด่วน 1677 โดยประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือได้ และเครือข่ายทั้งหมดจะประสานการทำงานกัน เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างเร่งด่วนภายในเวลาไม่เกิน 15 นาที
ด้าน พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยให้ร่วมมือกับทุกองค์กร เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งในวันนี้ได้ร่วมกับ 4 องค์กรในโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกรุงเทพมหานคร หากสำเร็จตามเป้าประสงค์ของโครงการ เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มมากขึ้น และทั่วโลกจะชื่นชมการทำงานของคนไทย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือที่มีความสำคัญมาก
