รายงานข่าวจากสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นราคาสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ในรอบ 41 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.พ.2556 ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งขายที่บาทละ 22,800 บาท รับซื้อบาทละ 22,700 บาท ทองคำรูปพรรณขายที่บาทละ 23,300 บาท และรับซื้อบาทละ 22,285.20 บาท ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,380.50 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เป็นราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี 4 เดือน
ทั้งนี้ ได้รับผลบวกจากกรณีสหราชอาณาจักรมีประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) และธนาคารกลางอังกฤษแสดงความกังวลต่อ Brexit ที่เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจและการเมือง ธนาคารในอิตาลีอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงจากหนี้เสียเพิ่มขึ้นและอาจต้องเพิ่มทุนในอนาคต เป็นต้น ทำให้นักลงทุนต้องการถือสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น
นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในครึ่งปีหลัง จะอยู่ที่ประมาณบาทละ 20,000-24,000 บาท ภายใต้สมมติฐานค่าเงินอยู่ที่ 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนราคาทองคำโลกอยู่ที่ 1,200-1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยมองว่าหากราคาทองได้ตอบรับกับปัจจัยครบแล้ว จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณบาทละ 22,000 บาท
ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนที่ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากกรณี Brexit และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดี แนะนำนักลงทุนให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง และให้ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาต่ำกว่าบาทละ 22,000 บาท
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทองคำในเดือน ก.ค.2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.77 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12.83% อยู่ที่ระดับ 68.34 จุด สูงกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งสอดคล้องกันทั้งนักลงทุนและกลุ่มผู้ค้า ทั้งนี้ มีปัจจัยหนุนสำคัญจากค่าเงินบาทที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าและแรงซื้อเก็งกำไรที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยลบจากทิศทางของค่าเงินเหรียญสหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งค่า
ขณะที่ความต้องการซื้อทองคำในช่วง 1 เดือนข้างหน้า พบว่าสัดส่วนผู้ที่คิดจะซื้อทองคำในช่วงเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 41.03% ด้านสัดส่วนผู้ที่ไม่คิดจะซื้อทองคำในเดือนนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 30.40% ของกลุ่มตัวอย่าง เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะ 3 เดือนข้างหน้าที่ยังสะท้อนมุมมองเชิงบวก จากการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.86 จุดมาอยู่ที่ระดับ 62.21 จุด
ส่วนการสำรวจกรอบราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง พบว่าราคาทองคำในตลาดโลกเฉลี่ยครึ่งหลังอยู่ที่ประมาณ 1,183-1,498 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนกรอบค่าเงินบาทเฉลี่ยครึ่งปีหลังอยู่ที่ 34.32-36.45 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาทองคำในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 20,383-24,242 บาท
ทั้งนี้ ได้รับผลบวกจากกรณีสหราชอาณาจักรมีประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) และธนาคารกลางอังกฤษแสดงความกังวลต่อ Brexit ที่เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจและการเมือง ธนาคารในอิตาลีอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงจากหนี้เสียเพิ่มขึ้นและอาจต้องเพิ่มทุนในอนาคต เป็นต้น ทำให้นักลงทุนต้องการถือสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น
นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในครึ่งปีหลัง จะอยู่ที่ประมาณบาทละ 20,000-24,000 บาท ภายใต้สมมติฐานค่าเงินอยู่ที่ 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนราคาทองคำโลกอยู่ที่ 1,200-1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยมองว่าหากราคาทองได้ตอบรับกับปัจจัยครบแล้ว จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณบาทละ 22,000 บาท
ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนที่ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากกรณี Brexit และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดี แนะนำนักลงทุนให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง และให้ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาต่ำกว่าบาทละ 22,000 บาท
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทองคำในเดือน ก.ค.2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.77 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12.83% อยู่ที่ระดับ 68.34 จุด สูงกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งสอดคล้องกันทั้งนักลงทุนและกลุ่มผู้ค้า ทั้งนี้ มีปัจจัยหนุนสำคัญจากค่าเงินบาทที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าและแรงซื้อเก็งกำไรที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยลบจากทิศทางของค่าเงินเหรียญสหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งค่า
ขณะที่ความต้องการซื้อทองคำในช่วง 1 เดือนข้างหน้า พบว่าสัดส่วนผู้ที่คิดจะซื้อทองคำในช่วงเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 41.03% ด้านสัดส่วนผู้ที่ไม่คิดจะซื้อทองคำในเดือนนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 30.40% ของกลุ่มตัวอย่าง เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะ 3 เดือนข้างหน้าที่ยังสะท้อนมุมมองเชิงบวก จากการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.86 จุดมาอยู่ที่ระดับ 62.21 จุด
ส่วนการสำรวจกรอบราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง พบว่าราคาทองคำในตลาดโลกเฉลี่ยครึ่งหลังอยู่ที่ประมาณ 1,183-1,498 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนกรอบค่าเงินบาทเฉลี่ยครึ่งปีหลังอยู่ที่ 34.32-36.45 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาทองคำในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 20,383-24,242 บาท