นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 มาตรา 61 วรรค 2 ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่า ขึ้นอยู่กับว่าศาลจะรับคำร้องของทางผู้ตรวจการแผ่นดินไว้พิจารณาหรือไม่ และศาลจะพิจารณาว่ามาตรา 61 วรรคสองของ พ.ร.บ.ประชามติจะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากนี้ต้องใช้เวลา
อย่างไรก็ตาม การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้บทบัญญัติของกฎหมายมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่ง พ.ร.บ.ประชามติยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งประธาน กกต.ในฐานะผู้รักษาการกฎหมายดังกล่าว ก็ต้องยึดถือตามกฎหมายต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ หากศาลวินิจฉัยว่ามาตรา 61 วรรคสอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว หากเป็นเช่นนั้นผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะ รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ ก็จะไม่ถูกตีความว่าเป็นการกระทำที่ก่อความวุ่นวาย จึงจะไม่เข้าข่ายมาตรา 61 วรรคหนึ่ง ซึ่งมาตรา 61 วรรคสองก็จะไม่มีผลบังคับใช้ในกฎหมายนี้ แต่ก็ยังมีกฎหมายอื่น เช่น หากเผยแพร่ถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ข่มขู่ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ก็ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือถ้าเผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ก็ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ ที่โทษก็อาจจะแตกต่างไปจาก พ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งการกระทำทุกเรื่องก็มีกฎหมายอื่นรองรับ เพียงแค่ไม่ถือว่าเป็นการก่อความวุ่นวายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากศาลจะวินิจฉัยว่ามาตรา 61 วรรคสองขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ส่งผลต่อตัว พ.ร.บ.ประชามติทั้งหมด ไม่มีผลต่อระเบียบและประกาศของ กกต.ที่ออกไป การออกเสียงประชามติก็จะยังเดินหน้าต่อไปได้ และวันที่ 7 สิงหาคม ก็ยังจะเป็นวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้บทบัญญัติของกฎหมายมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่ง พ.ร.บ.ประชามติยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งประธาน กกต.ในฐานะผู้รักษาการกฎหมายดังกล่าว ก็ต้องยึดถือตามกฎหมายต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ หากศาลวินิจฉัยว่ามาตรา 61 วรรคสอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว หากเป็นเช่นนั้นผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะ รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ ก็จะไม่ถูกตีความว่าเป็นการกระทำที่ก่อความวุ่นวาย จึงจะไม่เข้าข่ายมาตรา 61 วรรคหนึ่ง ซึ่งมาตรา 61 วรรคสองก็จะไม่มีผลบังคับใช้ในกฎหมายนี้ แต่ก็ยังมีกฎหมายอื่น เช่น หากเผยแพร่ถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ข่มขู่ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ก็ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือถ้าเผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ก็ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ ที่โทษก็อาจจะแตกต่างไปจาก พ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งการกระทำทุกเรื่องก็มีกฎหมายอื่นรองรับ เพียงแค่ไม่ถือว่าเป็นการก่อความวุ่นวายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากศาลจะวินิจฉัยว่ามาตรา 61 วรรคสองขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ส่งผลต่อตัว พ.ร.บ.ประชามติทั้งหมด ไม่มีผลต่อระเบียบและประกาศของ กกต.ที่ออกไป การออกเสียงประชามติก็จะยังเดินหน้าต่อไปได้ และวันที่ 7 สิงหาคม ก็ยังจะเป็นวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเช่นเดิม
