นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และกรรมการชุดบริหารสัญญาโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน รวม 7 คน เข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ เรื่องคดีที่ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดเคยพิจารณาบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยสุดท้ายแล้วเป็นเหตุให้ทางราชการเจรจาจ่ายเงินให้กับฝ่ายกิจการร่วมค้าในโครงการคลองด่าน จำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้จ่ายไปแล้ว 4 พันล้านบาท หรือร้อยละ 40 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2558 และมีกำหนดจ่ายต่อไปอีก 2 งวด ๆ ละประมาณ 3 พันล้านบาท ภายในวันที่ 21 พ.ค. 2559 และ 21 พ.ย.2559 ตามลำดับ สาเหตุมายื่นคำร้องครั้งนี้ว่า เพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากฝ่ายราชการแพ้คดี และต้องชดใช้ค่าโง่เป็นเงินจำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยจากการตรวจสอบพบว่า คณะอนุญาโตตุลาการ ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุดไม่ได้ยึดถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิตที่ได้พิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษ เป็นฝ่ายชนะคดีทั้ง 2 สำนวน คือ สำนวนฉ้อโกงเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินจำนวน 1,900 ไร่ และสำนวนฉ้อโกงสัญญาว่าจ้างเกี่ยวกับกรณีปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องบริษัทผู้เชี่ยวชาญ คือ บริษัท นอร์ทเวส วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ถอนตัวและบอกเลิกหนังสือมอบอำนาจก่อนการลงนามระหว่างฝ่ายกรมควบคุมมลพิษกับฝ่ายกิจการร่วมค้า ในปี 2540 ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะต้องยึดถือข้อเท็จจริงตามที่รับฟังได้ในคดีอาญาเป็นหลัก จึงได้ร้องขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ โดยฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิต ศาลแขวงดุสิตนั้นได้มีคำพิพากษาตั้งแต่ พ.ย. ปี พ.ศ. 2552 โดยศาลพิพากษาให้จำคุกบรรดากรรมการที่เป็นสมาชิกของกิจการร่วมค้าคนละ 3 ปี และให้ปรับบริษัทที่เป็นสมาชิกกิจการร่วมค้าบริษัทละ 6,000 บาท