ราคาน้ำมันร่วงแรงในวันอังคาร(25พ.ย.) คาดโอเปกไม่ได้ข้อสรุปลดกำลังผลิตในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ แม้อุปทานโลกล้นตลาด
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน 2010 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ในสัดส่วน 1 ใน 3 ของโลก จะประชุมร่วมกันในวันพฤหัสบดีนี้ที่กรุงเวียนา ประเทศออสเตรีย เพื่อประเมินว่าควรจะปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก ในขณะที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่ว่าโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิตลงหรือไม่นั้น ได้สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์ก ขณะที่นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูการประชุมครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จนถึงขณะนี้ สมาชิกกลุ่มโอเปคยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน โดยเวเนซูเอล่าและอิหร่านต่างก็ส่งสัญญาณว่าโอเปคควรจะปรับลดการผลิต ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปคนั้น สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดการผลิต
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า โอเปคอาจจะต้องปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 3% หรือราว 1 ล้านบาร์เรล จึงจะสามารถสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ แต่หากกลุ่มโอเปคยังตรึงเพดานการผลิต หรือลดการผลิตลงเพียงเล็กน้อย ก็จะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงอีก
มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิต ขณะที่บีเอ็นพี พาริบาส์คาดการณ์ว่าโอเปคอาจจะลดเพดานการผลิตลงราว 1-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธที่ 26 พ.ย.นี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ 381.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 780,000 บาร์เรล
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน 2010 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ในสัดส่วน 1 ใน 3 ของโลก จะประชุมร่วมกันในวันพฤหัสบดีนี้ที่กรุงเวียนา ประเทศออสเตรีย เพื่อประเมินว่าควรจะปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก ในขณะที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่ว่าโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิตลงหรือไม่นั้น ได้สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์ก ขณะที่นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูการประชุมครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จนถึงขณะนี้ สมาชิกกลุ่มโอเปคยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน โดยเวเนซูเอล่าและอิหร่านต่างก็ส่งสัญญาณว่าโอเปคควรจะปรับลดการผลิต ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปคนั้น สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดการผลิต
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า โอเปคอาจจะต้องปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 3% หรือราว 1 ล้านบาร์เรล จึงจะสามารถสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ แต่หากกลุ่มโอเปคยังตรึงเพดานการผลิต หรือลดการผลิตลงเพียงเล็กน้อย ก็จะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงอีก
มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิต ขณะที่บีเอ็นพี พาริบาส์คาดการณ์ว่าโอเปคอาจจะลดเพดานการผลิตลงราว 1-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธที่ 26 พ.ย.นี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ 381.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 780,000 บาร์เรล