ราคาน้ำมันสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(26พ.ย.) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีครั้งใหม่
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 73.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2010 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 58 เซนต์ ปิดที่ 77.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ย.พุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล แตะ 383 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 24.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.
ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ในสัดส่วน 1 ใน 3 ของโลก จะประชุมร่วมกันในวันพฤหัสบดีนี้ที่กรุงเวียนา ประเทศออสเตรีย เพื่อประเมินว่าควรจะปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก ในขณะที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ สมาชิกกลุ่มโอเปคยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน โดยเวเนซูเอล่าและอิหร่านต่างก็ส่งสัญญาณว่าโอเปคควรจะปรับลดการผลิต ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปคนั้น สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดการผลิต
นายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียคาดการณ์ว่า ตลาดน้ำมันโลกจะยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ซาอุดิอาระเบียจะไม่สนับสนุนให้กลุ่มโอเปคปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า โอเปคอาจจะต้องปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 3% หรือราว 1 ล้านบาร์เรล จึงจะสามารถสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ แต่หากกลุ่มโอเปคยังตรึงเพดานการผลิต หรือลดการผลิตลงเพียงเล็กน้อย ก็จะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงอีก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 73.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2010 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 58 เซนต์ ปิดที่ 77.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ย.พุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล แตะ 383 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 24.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.
ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ในสัดส่วน 1 ใน 3 ของโลก จะประชุมร่วมกันในวันพฤหัสบดีนี้ที่กรุงเวียนา ประเทศออสเตรีย เพื่อประเมินว่าควรจะปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก ในขณะที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ สมาชิกกลุ่มโอเปคยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน โดยเวเนซูเอล่าและอิหร่านต่างก็ส่งสัญญาณว่าโอเปคควรจะปรับลดการผลิต ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปคนั้น สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดการผลิต
นายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียคาดการณ์ว่า ตลาดน้ำมันโลกจะยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ซาอุดิอาระเบียจะไม่สนับสนุนให้กลุ่มโอเปคปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า โอเปคอาจจะต้องปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 3% หรือราว 1 ล้านบาร์เรล จึงจะสามารถสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ แต่หากกลุ่มโอเปคยังตรึงเพดานการผลิต หรือลดการผลิตลงเพียงเล็กน้อย ก็จะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงอีก