น้ำมันวานนี้(19พ.ย.) ปิดทรงตัวหลังพบข้อมูลเชื้อเพลิงสำรองที่ผสมผสานของสหรัฐฯ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 74.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 37 เซนต์ ปิดที่ 78.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะ 381.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 780,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 718,000 บาร์เรล สู่ระดับ 23.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล แตะ 204.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 114.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านปรับตัวลดลง 2.8% ในเดือนต.ค. แตะที่ 1.009 ล้านยูนิต ส่วนตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง ซึ่งเป็นมาตรวัดการก่อสร้างในอนาคตปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% แตะที่ 1.08 ล้านยูนิต เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.6%
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปคที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 พ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า โอเปคอาจจะปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกโอเปคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่าควรจะปรับลดเพดานการผลิตหรือไม่ โดยเวเนซูเอลาและอิหร่านมีความเห็นว่าควรจะปรับลดการผลิต แต่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มโอเปค เลือกที่จะใช้วิธีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดเพดานการผลิต
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 74.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 37 เซนต์ ปิดที่ 78.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะ 381.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 780,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 718,000 บาร์เรล สู่ระดับ 23.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล แตะ 204.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 114.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านปรับตัวลดลง 2.8% ในเดือนต.ค. แตะที่ 1.009 ล้านยูนิต ส่วนตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง ซึ่งเป็นมาตรวัดการก่อสร้างในอนาคตปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% แตะที่ 1.08 ล้านยูนิต เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.6%
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปคที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 พ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า โอเปคอาจจะปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกโอเปคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่าควรจะปรับลดเพดานการผลิตหรือไม่ โดยเวเนซูเอลาและอิหร่านมีความเห็นว่าควรจะปรับลดการผลิต แต่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มโอเปค เลือกที่จะใช้วิธีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดเพดานการผลิต