ราคาน้ำมันวานนี้(13พ.ย.)ดิ่งลงต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี หลังพบปริมาณการผลิตเชื้อเพลิงสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2.97 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2010 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดต่ำกว่า 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่กันยายน 2010
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิงพุ่งขึ้น 1.704 ล้านบาร์เรล แตะที่ 22.5 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 378.5 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 300,000-1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล แตะ 203.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 300,000-500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์ และดีเซล ลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล แตะที่ 116.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3-1.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 8 พ.ย. ปรับตัวขึ้น 12,000 ราย แตะที่ 290,000 ราย โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 280,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มโอเปคในวันที่ 27 พ.ย.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่นายอาลี อัล-โอมาร์ รมว.พลังงานของคูเวตคาดการณ์ว่า โอเปคอาจจะยังไม่ปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2.97 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2010 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดต่ำกว่า 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่กันยายน 2010
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิงพุ่งขึ้น 1.704 ล้านบาร์เรล แตะที่ 22.5 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 378.5 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 300,000-1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล แตะ 203.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 300,000-500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์ และดีเซล ลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล แตะที่ 116.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3-1.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 8 พ.ย. ปรับตัวขึ้น 12,000 ราย แตะที่ 290,000 ราย โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 280,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มโอเปคในวันที่ 27 พ.ย.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่นายอาลี อัล-โอมาร์ รมว.พลังงานของคูเวตคาดการณ์ว่า โอเปคอาจจะยังไม่ปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้