ไอเอ็มเอฟ” ลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลก เตือนแนวโน้มอาจเลวร้ายกว่านี้มาก หากนักการเมืองอเมริกันทะเลาะกันไม่ยอมจบและลากรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้ พร้อมเรียกร้อง “เฟด” แสดงความชัดเจนเกี่ยวกับแผนลดขนาด-ยกเลิก “คิวอี” ที่ขณะนี้ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตในชาติเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาชะลอลงแล้ว
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (Wold Economic Outlook) ฉบับล่าสุดที่นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (8 ต.ค.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลง 0.3% อยู่ที่ 2.9% และปรับลดลง 0.2% อยู่ที่ 3.6% สำหรับปี 2014
ฉบับล่าสุดของรายงานซึ่งจัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยที่อาจมีการอัปเดตปรับให้ทันสมัยยิ่งขึ้นในระหว่างกาลได้อีกนี้ ไอเอ็มเอฟแจกแจงว่า หลังจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงของเศรษฐกิจทั่วโลกสิ้นสุดลง 4 ปีแล้ว แต่การเติบโตของโลกในวันนี้ยังคงอ่อนแอและมีแนวโน้มความเสี่ยงขาลง
รายงานระบุว่า ความเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งนั้นมีสองส่วน คือ แผนการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะทยอยยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินพิเศษ ซึ่งเริ่มต้นใช้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยปี 2008-2009 ขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้แก่ การเติบโตที่กำลังชะลอตัวลงของจีน
ไอเอ็มเอฟบอกว่า ตลาดการเงินเชื่อมั่นมากขึ้นว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของอเมริกาได้มาถึง “จุดเปลี่ยน” หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มพูดเรื่องการลดขนาดมาตรการซื้อพันธบัตรเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ที่เรียกว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Qualitative Easing ใช้อักษรย่อว่า QE) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แม้เฟดยังไม่ได้ปรับลดขนาดคิวอี แต่การกล่าวถึงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้กระตุ้นให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในสหรัฐฯ และในอีกหลายประเทศพุ่งขึ้นแล้ว และในทางกลับกันก็ชะลอเงินทุนไหลเข้าประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่
ด้วยเหตุนี้ ไอเอ็มเอฟจึงเรียกร้องให้เฟดแสดงความชัดเจนเกี่ยวกับแผนลดขนาดและยกเลิกคิวอี แต่สำทับว่า ทางที่ดีเฟดควรสานต่อความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจแดนอินทรีต่อไป
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (Wold Economic Outlook) ฉบับล่าสุดที่นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (8 ต.ค.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลง 0.3% อยู่ที่ 2.9% และปรับลดลง 0.2% อยู่ที่ 3.6% สำหรับปี 2014
ฉบับล่าสุดของรายงานซึ่งจัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยที่อาจมีการอัปเดตปรับให้ทันสมัยยิ่งขึ้นในระหว่างกาลได้อีกนี้ ไอเอ็มเอฟแจกแจงว่า หลังจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงของเศรษฐกิจทั่วโลกสิ้นสุดลง 4 ปีแล้ว แต่การเติบโตของโลกในวันนี้ยังคงอ่อนแอและมีแนวโน้มความเสี่ยงขาลง
รายงานระบุว่า ความเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งนั้นมีสองส่วน คือ แผนการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะทยอยยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินพิเศษ ซึ่งเริ่มต้นใช้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยปี 2008-2009 ขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้แก่ การเติบโตที่กำลังชะลอตัวลงของจีน
ไอเอ็มเอฟบอกว่า ตลาดการเงินเชื่อมั่นมากขึ้นว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของอเมริกาได้มาถึง “จุดเปลี่ยน” หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มพูดเรื่องการลดขนาดมาตรการซื้อพันธบัตรเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ที่เรียกว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Qualitative Easing ใช้อักษรย่อว่า QE) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แม้เฟดยังไม่ได้ปรับลดขนาดคิวอี แต่การกล่าวถึงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้กระตุ้นให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในสหรัฐฯ และในอีกหลายประเทศพุ่งขึ้นแล้ว และในทางกลับกันก็ชะลอเงินทุนไหลเข้าประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่
ด้วยเหตุนี้ ไอเอ็มเอฟจึงเรียกร้องให้เฟดแสดงความชัดเจนเกี่ยวกับแผนลดขนาดและยกเลิกคิวอี แต่สำทับว่า ทางที่ดีเฟดควรสานต่อความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจแดนอินทรีต่อไป