นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแสดงความเป็นห่วงว่า สถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงแรงงานต่างด้าว ต้องอพยพมาอยู่รวมกันในสภาพแออัด ซึ่งส่งผลให้เกิดการระบาดและการติดเชื้อของโรคต่างๆ ได้ง่าย กรมควบคุมโรค จึงกำชับเจ้าหน้าที่สำนักระบาดวิทยา เข้าไปดำเนินการติดตามเฝ้าระวัง 10 โรคสำคัญ ที่พบตามแนวชายแดนมากที่สุด อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ หัดเยอรมัน อีสุกอีใส ไข้เลือดออก ไวรัสตับอักเสบเอ เลปโตสไปโรซิส มาลาเรีย วัณโรค และโรคหนอนพยาธิ เนื่องจากในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ เคยพบการระบาดของโรคเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
จากรายงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่ให้การดูแลผู้อพยพในศูนย์อพยพ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 22-25 เมษายน ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยแล้วเกือบ 2,800 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคไข้หวัด อุจจาระร่วง โรคกระเพาะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอยู่ในภาวะเครียด แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ พบเด็กที่ป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส ถึง 12 คน ซึ่งเกรงว่าจะเกิดการระบาดในกลุ่มเด็กด้วยกันที่ศูนย์อพยพ รวมไปถึงระบาดในผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงกำชับให้แพทย์เร่งคัดกรองและแยกผู้ป่วยทั้งหมดออกแล้ว
จากรายงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่ให้การดูแลผู้อพยพในศูนย์อพยพ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 22-25 เมษายน ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยแล้วเกือบ 2,800 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคไข้หวัด อุจจาระร่วง โรคกระเพาะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอยู่ในภาวะเครียด แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ พบเด็กที่ป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส ถึง 12 คน ซึ่งเกรงว่าจะเกิดการระบาดในกลุ่มเด็กด้วยกันที่ศูนย์อพยพ รวมไปถึงระบาดในผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงกำชับให้แพทย์เร่งคัดกรองและแยกผู้ป่วยทั้งหมดออกแล้ว