เผยยอดทหารเจ็บ เพิ่มเป็น 42 นาย เร่งดูแลประชาชนใน พท.ศูนย์อพยพ หลังพบหวัด ท้องเสีย รุมเร้า
วันนี้ (26 เม.ย.)นพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 14 กล่าวว่า จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ เมื่อคืนวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน 10 นาย โดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและถูกนำส่งรักษาที่รพ.ค่ายวีระวัฒน์โยธิน จ.สุรินทร์ ทำให้มียอดผู้บาดเจ็บรวม 42 นาย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังคงที่ 5 นายเท่าเดิม
“อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมให้ความช่วยเหลือ และดูแลเรื่องของสุขาภิบาลในพื้นที่ตามศูนย์อพยพทั้ง 32 ศูนย์ของ จ.สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ โดยเตรียมฉีดยา ป้องกันยุงให้กับศูนย์ต่างๆ ทุก 3 วัน เพื่อป้องกันปัญหายุงในพื้นที่ที่อาจนำมาสู่โรคได้ ส่วนความช่วยเหลืออื่นๆ ทั้งยาและเวชภัณฑ์ขณะนี้มีเพียงพอ” นพ.คำรณ กล่าว
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า การดูแลประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้ประชาชนเข้ามาอาศัยในศูนย์อพยพที่ จ.สุรินทร์ มีจำนวน 21,000 คน จ.บุรีรัมย์ จำนวน 14,700 คน โดย สธ.ได้ดูแลทั้งเรื่องของสุขภาพและสุขาภิบาล ขณะนี้พบว่ามีประชาชนป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจแล้ว 2,800 คน โรคทางเดินระบบอาหาร 400 คน และปวดกล้ามเนื้อ ความเครียด พบว่า มีเด็กๆ ที่ติดโรคอีสุกอีใส ในศูนย์อพยพ จ.บุรีรัมย์ แล้ว 12 คน ซึ่งคาดว่า เด็กป่วยตั้งแต่ก่อนอพยพ และเกิดการติดต่อกันในช่วงอพยพ ซึ่งได้แยกเด็กออกจากกันแล้วและยังไม่พบเด็กป่วยเพิ่ม ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีหน่วยแพทย์ออกหน่วยให้บริการดูแลร่วมด้วย
“นอกจากให้การรักษายังได้เฝ้าระวังโรคที่สำคัญ คือ กลุ่มโรคไข้หวัด ไข้เลือดออก ไข้ออกผื่น หัด อีสุกอีใส ไข้ตาเหลือง ตาแดง และถ่ายเหลว อย่างใกล้ชิด ซึ่งโรคเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อคนมาอยู่รวมกันจำนวนมากและบางโรครุนแรง เช่น ไข้ตาเหลือง เกิดจากการติดไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ซึ่งสามารถติดต่อได้ทางอาหารและน้ำ การดูแลเรื่องสุขาภิบาล ถือว่าจำเป็นอย่างมากเมื่อมีประชากรอยู่รวมกันเกิน 1,000 คนขึ้นไป โดยควบคุมสัตว์นำโรค เช่น แมลงวัน และยุง ไม่ให้เป็นพาหะนำโรคได้ ร่วมกับการให้ความรู้ประชาชน ในการป้องกัน โดยได้แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากให้ประชาชนแล้ว ซึ่งขณะนี้มีหลายหน่วยงานให้ความช่วยเหลือเรื่องน้ำดื่ม และอาหาร แต่น้ำใช้ถือว่ายังไม่เพียงพอ โดยได้เร่งปรับสภาพน้ำใช้เพื่อให้มีคุณภาพดีพอให้ประชาชนใช้ได้แล้ว
วันนี้ (26 เม.ย.)นพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 14 กล่าวว่า จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ เมื่อคืนวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน 10 นาย โดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและถูกนำส่งรักษาที่รพ.ค่ายวีระวัฒน์โยธิน จ.สุรินทร์ ทำให้มียอดผู้บาดเจ็บรวม 42 นาย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังคงที่ 5 นายเท่าเดิม
“อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมให้ความช่วยเหลือ และดูแลเรื่องของสุขาภิบาลในพื้นที่ตามศูนย์อพยพทั้ง 32 ศูนย์ของ จ.สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ โดยเตรียมฉีดยา ป้องกันยุงให้กับศูนย์ต่างๆ ทุก 3 วัน เพื่อป้องกันปัญหายุงในพื้นที่ที่อาจนำมาสู่โรคได้ ส่วนความช่วยเหลืออื่นๆ ทั้งยาและเวชภัณฑ์ขณะนี้มีเพียงพอ” นพ.คำรณ กล่าว
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า การดูแลประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้ประชาชนเข้ามาอาศัยในศูนย์อพยพที่ จ.สุรินทร์ มีจำนวน 21,000 คน จ.บุรีรัมย์ จำนวน 14,700 คน โดย สธ.ได้ดูแลทั้งเรื่องของสุขภาพและสุขาภิบาล ขณะนี้พบว่ามีประชาชนป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจแล้ว 2,800 คน โรคทางเดินระบบอาหาร 400 คน และปวดกล้ามเนื้อ ความเครียด พบว่า มีเด็กๆ ที่ติดโรคอีสุกอีใส ในศูนย์อพยพ จ.บุรีรัมย์ แล้ว 12 คน ซึ่งคาดว่า เด็กป่วยตั้งแต่ก่อนอพยพ และเกิดการติดต่อกันในช่วงอพยพ ซึ่งได้แยกเด็กออกจากกันแล้วและยังไม่พบเด็กป่วยเพิ่ม ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีหน่วยแพทย์ออกหน่วยให้บริการดูแลร่วมด้วย
“นอกจากให้การรักษายังได้เฝ้าระวังโรคที่สำคัญ คือ กลุ่มโรคไข้หวัด ไข้เลือดออก ไข้ออกผื่น หัด อีสุกอีใส ไข้ตาเหลือง ตาแดง และถ่ายเหลว อย่างใกล้ชิด ซึ่งโรคเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อคนมาอยู่รวมกันจำนวนมากและบางโรครุนแรง เช่น ไข้ตาเหลือง เกิดจากการติดไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ซึ่งสามารถติดต่อได้ทางอาหารและน้ำ การดูแลเรื่องสุขาภิบาล ถือว่าจำเป็นอย่างมากเมื่อมีประชากรอยู่รวมกันเกิน 1,000 คนขึ้นไป โดยควบคุมสัตว์นำโรค เช่น แมลงวัน และยุง ไม่ให้เป็นพาหะนำโรคได้ ร่วมกับการให้ความรู้ประชาชน ในการป้องกัน โดยได้แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากให้ประชาชนแล้ว ซึ่งขณะนี้มีหลายหน่วยงานให้ความช่วยเหลือเรื่องน้ำดื่ม และอาหาร แต่น้ำใช้ถือว่ายังไม่เพียงพอ โดยได้เร่งปรับสภาพน้ำใช้เพื่อให้มีคุณภาพดีพอให้ประชาชนใช้ได้แล้ว
